svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

5 คำถามคาใจหลังอัยการแถลง

04 สิงหาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เปิด 5 คำถามคาใจหลังคณะทำงาน 7 อรหันต์แถลงผลตรวจสอบคดี "บอสรอดทุกข้อหา" ตกลงรับรองการสั่งคดี "เนตร นาคสุข" ถูกต้องแล้วใช่หรือไม่ มึนเตรียมชงอัยการสูงสุดสั่งพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาใหม่ ไหนเคยบอกไม่มีอำนาจทำได้ ย้อนประวัติศาสตร์อัยการไทย มีไหมคดีฟ้องไปแล้ว กลับคำสั่งเป็น "ไม่ฟ้อง"

จากคำแถลงของคณะทำงาน 7 อรหันต์ของอัยการ สังคมยังคาใจและตั้งคำถามเพิ่มเติมหลายคำถาม "เนชั่นทีวี" รวบรวมข้อสังเกตที่น่าสนใจจากหลายฝ่ายมานำเสนอ

1.คำแถลงที่ยืนยันว่า นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีตามกฎหมายและระเบียบทุุกประการ ตลอดจนสั่งคดีไปตามหลักฐานเท่าที่ปรากฏในสำนวน และสอดคล้องกันว่านายบอส ขับรถไม่เร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดนั้น เท่ากับเป็นการรับรองการสั่งคดีของนายเนตรว่าถูกต้อง ชอบด้วยกฎหมายแล้วใช่หรือไม่

การเสนออัยการสูงสุดให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้ดุลยพินิจของนายเนตร ว่ารอบคอบรัดกุมหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีในเอกสารแถลงข่าวของอัยการ มีเพียงคำแถลงบางช่วงของคณะทำงาน 7 อรหันต์ สังคมจึงยังคาใจว่า สรุปแล้วกรณีของนายเนตร นาคสุข ทางสำนักงานอัยการสูงสุด จะดำเนินการอย่างไรต่อไป

2.การที่คณะทำงาน 7 อรหันต์ เสนออัยการสูงสุดให้สั่งไปยังพนักงานสอบสวน แจ้งข้อหาเพิ่มกับนายบอส เพราะพบหลักฐานใหม่ 2 ประเด็นนั้น ขัดกับสิ่งที่ฝ่ายอัยการเคยให้ข่าวมาก่อนหน้านี้ ว่าอัยการไม่มีอำนาจสั่งพนักงานสอบสวนให้รื้อคดี แจ้งข้อหาเพิ่ม หรือแจ้งข้อหาใหม่ได้ เพราะคำสั่งไม่ฟ้องถือว่าเป็น "คำสั่งเด็ดขาด" ไปแล้ว การแสวงหาพยานหลักฐานใหม่ต้องเป็นไปตาม ป.วิอาญา มาตรา 147 ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเท่านั้น เหตุใดวันนี้คณะทำงาน 7 อรหันต์ จึงอ้างว่าอัยการสูงสุดมีอำนาจ

3.หลักฐานใหม่กรณี "เสพโคเคน" ที่คณะทำงาน 7 อรหันต์ เสนอให้อัยการสูงสุดแจ้งไปยังพนักงานสอบสวน เป็น "ข้อหาใหม่" ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มข้อหาเดิม คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งแม้จะเป็นประเด็นที่ต้องดำเนินคดีกันต่อไป แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้อสงสัยของสังคมในคดีขับรถโดยประมาท ว่ากระบวนการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจแลอัยการ เป็นไปโดยชอบหรือไม่ พยานหลักฐานที่อ้างทั้งหมดมีน้ำหนักน่าเชื่อถือเพียงใด


4.หลักฐานใหม่กรณี "ความเร็วรถ" ที่คณะทำงาน 7 อรหันต์ อ้างว่าผลตรวจวิเคราะห์ความเร็วรถของ ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งขณะเกิดเหตุทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านวิชาการให้กับกองพิสูจน์หลักฐานกลางนั้น จริงๆ แล้วเป็น "หลักฐานเก่า" เพียงแต่ไม่ได้ถูกนำมาบรรจุในสำนวนการสอบสวนแรก ที่ตำรวจมีความเห็น "สมควรสั่งฟ้อง" โดยอัยการก็มีความเห็น "สั่งฟ้อง" เช่นเดียวกัน

และหลักฐานนี้ก็สอดคล้องกับคำให้การของ พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ แตงจั่น ตำรวจจากกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ที่ให้การรอบแรกว่า รถของนายบอสขับมาด้วยความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนทำให้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง แต่ต่อมาหลักฐานนี้ก็ถูกหักล้างด้วยหลักฐานใหม่ คำให้การใหม่ของประจักษ์พยาน และคำให้การใหม่ของพ.ต.ท.ธนสิทธิ์ เอง รวมทั้งผลตรวจวิเคราะห์ความเร็วรถของ ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือด้วย

คำถามก็คือ หากอัยการมองว่า ผลตรวจวิเคราะห์ความเร็วรถของ ดร.สธน เป็นหลักฐานใหม่ และให้ตำรวจตั้งคดีส่งกลับมาใหม่ หลังจากนี้ฝ่ายผู้ต้องหาจะอ้างผลตรวจวิเคราะห์ความเร็ว จากแหล่งอื่นเพื่อนำมาหักล้างได้อีกหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็เคยหักล้างไปแล้ว กลายเป็นการหักล้างหลักฐานกันไปมาแบบไม่รู้จบในชั้นอัยการ จนคดีขาดอายุความ

5.การแถลงของคณะทำงาน 7 อรหันต์ อ้างว่าในอดีตเคยมีคดีที่อัยการเคยมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง แล้วต่อมาพบพยานหลักฐานใหม่ จึงมีความเห็นสั่งฟ้อง เช่น คดีอัลลูไวรี่ (อุ้มฆ่าพระญาติกษัตริย์ซาอุดิอาระเบีย หลังเกิดคดีเพชรซาอุฯ) ซึ่งเป็นกระบวนการค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม แล้วฟ้องเข้ามาใหม่ แต่คำถาม คือ เคยมีคดีใดหรือไม่ที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องไปแล้ว ต่อมากลับมีความเห็น "สั่งไม่ฟ้อง"

ที่สำคัญการสั่งคดีในภายหลัง ใช้อำนาจอะไรไปลบล้าง "คำสั่งฟ้อง" ของอัยการคนเดิม เพราะฝ่ายอัยการอ้างเองว่า ดุลยพินิจการสั่งคดีของอัยการแต่ละคนเป็นอิสระ แทรกแซงกันไม่ได้ กรณีนายเนตร นาคสุข ก็ไม่ก้าวล่วงเข้าไปตรวจสอบดุลยพินิจ

นอกจากนั้น ยังมีคำถามที่ต้องถามต่อไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าเมื่อฝ่ายอัยการอ้างว่าหลักฐานสำคัญเรื่องผลตรวจวิเคราะห์ความเร็วรถนายบอส ของ ดร.สธน ไม่ได้ถูกบรรจุอยู่ในสำนวนคดี ทั้งๆ ที่เป็นที่ปรึกษาของกองพิสูจน์หลักฐานเอง เรื่องนี้ทางฝ่ายตำรวจจะรับผิดชอบอย่างไร จะมีการสอบสวนเอาผิดผู้เกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะน่าจะเข้าข่ายการดึงหลักฐานสำคัญออกจากสำนวน เพื่อทำให้สำนวนอ่อนลงหรือเปล่า

logoline