นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) แถลงข่าวร่วมกับนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธาน และนางจินตนา ศิริสันธนะ เลขาธิการ ณ ห้องประชุม 1 สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ชั้น 32 อาคารลุมพินีทาวเวอร์ เมื่อวันอังคารที่ 4 สิงหาคม 2563 เวลา 10.30-12.00 น. ระบุการส่งออกเดือนมิถุนายน 2563 มีมูลค่า มีมูลค่า 16,444 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว -23.17% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) การส่งออกในรูปเงินบาทเท่ากับ ล้านบาท 520,608 หดตัว -23.06% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY) ในขณะที่การนำเข้าในเดือนมิถุนายน 2563 มีมูลค่า 14,833 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว -18.05 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน (YoY) และการนำเข้าในรูปของเงินบาทมีมูลค่า 475,986 ล้านบาท หดตัว -17.94% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน (YoY) ส่งผลให้ เดือนมิถุนายน 2563 ประเทศไทยเกินดุลการค้า 1,610 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 44,621 ล้านบาท (การส่งออกเมื่อหักทองคำ น้ำมันและอาวุธยุทธปัจจัย เดือนมิถุนายนการส่งออกหดตัวร้อยละ -17.20) ขณะที่ ภาพรวมช่วงเดือนม.ค.- มิ.ย. ปี 2563 ไทยส่งออกรวมมูลค่า 114,342 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว -7.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) คิดเป็นมูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทที่ 3,562,327 ล้านบาท หดตัว -8.29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 103,642 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว -12.62 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) หรือคิดเป็นมูลค่า 3,269,175 ล้านบาท หดตัว -13.94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ส่งผลให้ช่วงเดือน ม.ค.- มิ.ย. 2563 ประเทศไทยเกินดุลการค้า 10,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 293,152 ล้านบาท (การส่งออกเมื่อหักทองคำและน้ำมันน้ำมันและอาวุธยุทธปัจจัย เดือนม.ค. มิ.ย. การส่งออกขยายตัวร้อยละ -8.35)
การส่งออกในเดือนมิถุนายน กลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวที่ -9.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน (YoY) โดย สินค้าที่ขยายตัวได้ดีอยู่ คือ ผัก ผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง แต่สินค้ากลุ่มที่หดตัวคือ ข้าว ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำตาลทราย ขณะที่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หดตัวที่ -25% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน (YoY) โดย กลุ่มสินค้าที่มีการขยายตัว ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ขณะที่สินค้ากลุ่มที่หดตัว อาทิ อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ
ทั้งนี้ สรท. คงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2563 หดตัว -10% (ณ สิงหาคม 63) บนสมมติฐานค่าเงิน 31.5 (+-0.5) บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2563 = 31.232 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.87 31.73 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ) โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่ 1) การส่งออกในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการ work from home ยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ สินค้าเกษตรแปรรูปและอาหารผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแปรรูป และอาหารกระป๋องและแปรรูป เนื่องด้วยความกังวลในสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ประชาชนมีอุปสงค์ในการสำรองสินค้าอาหารเพื่อดำรงชีพในช่วงการ lockdown รวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยง และสินค้าเฟอร์นิเจอร์เพื่อการตกแต่งบ้าน และ 2) ความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด19 โดยเอกชนมีความคาดหวังว่าจะสามารถพัฒนาวัคซีนจะพร้อมใช้งานได้เร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจกลับมาสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น
ขณะที่ ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญ ได้แก่ 1) ผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกที่ยังคงมีความรุนแรง โดยเฉพาะสหรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโอกาสกลับมาระบาดรอบใหม่ในหลายประเทศ อาทิ จีน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศ เป็นต้น ทำให้หลายประเทศยังคงต้องดำเนินมาตรการ Lockdown ต่อเนื่อง อีกทั้งเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ซึ่งกระทบต่อกำลังซื้อของประเทศต่างๆทั่วโลก 2) สถานการณ์ขัดแย้งระหว่างประเทศ อาทิ 2.1) สหรัฐอเมริกาและจีน มีการประกาศนโยบายตอบโต้ระหว่างกัน อาทิ การปิดสถานกงสุล (โดยสหรัฐฯ สั่งปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ขณะที่จีนโต้ตอบด้วยการปิดสถานกงสุลประจำนครเฉิงตู มณฑลเสฉวน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน) รวมถึงการประกาศมาตรการคว่ำบาตรบุคลากรระดับสูงเพื่อตอบโต้ระหว่าง 2 ชาติ 2.2) จีนและสหราชอาณาจักร โดยสหราชอาณาจักรประกาศห้ามการใช้อุปกรณ์ของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ในเครือข่ายโทรศัพท์มือถือระบบ 5G ของอังกฤษและมีคำสั่งระงับสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับฮ่องกง จากการที่ก่อนหน้ารัฐบาลอังกฤษได้เปิดตัวข้อเสนอในการให้สิทธิพิเศษแก่ชาวฮ่องกงที่ถือพาสปอร์ตแบบ British National Oversea 3) ราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับต่ำกว่าปี 2562 จากปัจจัยด้านอุปสงค์ที่ถูกกดดันโดยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีความรุนแรงในหลายประเทศ ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังสินค้ากลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อาทิ กลุ่มพลาสติก เคมีภัณฑ์ และน้ำมันสำเร็จรูปที่มีสัดส่วนต่อการส่งออกรวมถึงร้อยละ 12 ให้มีทิศทางการส่งออกที่หดตัวลงอย่างต่อเนื่อง 4) ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงแต่ยังต่ำกว่าความคาดหวังของผู้ประกอบการส่งออกที่ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงจากผลของสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ทั่วโลกที่ยังไม่คลี่คลาย ประกอบกับความกังวลในสถานการณ์รอบที่ 2 ภายในประเทศและเสถียรภาพทางด้านการเมือง 5) การขาดสภาพคล่องการเงินของผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจ ประกอบกับผลของการชำระเงินล่าช้าหรือไม่ชำระเงินของคู่ค้าจากผลกระทบการระบาดโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการมีความต้องการเข้าถึงวงเงินสินเชื่อเพื่อดำรงสภาพคล่องในธุรกิจของตน และ 6) ปัญหาด้านโลจิสติกส์ แม้ว่าเริ่มมีการผ่อนคลายจากการ lockdown แต่อย่างไรก็ตามยังมีอุปสรรคจากระวางการขนส่งสินค้าทางอากาศที่มีจำกัด ค่าใช้จ่ายการขนส่งสินค้าทางทะเลที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อภาคเอกชน