รายงานการคาดการณ์ที่เผยแพร่โดยศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ หรือซีดีซี ระบุว่าพอถึงวันที่ 22 สิงหาคม ตัวเลขชาวอเมริกันที่เสียชีวิตจากไวรัส จะเพิ่้มเป็นมากกว่า 173,000 ราย ขณะที่ปัจจุบันตัวเลขการเสียชีวิตจริงอยู่ที่มากกว่า 154,449 รายนับตั้งแต่ที่เริ่มการระบาด
ทั่วสหรัฐ บรรดาผู้บริหารท้องถิ่น และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขออกมาเตือนประชา ชนไม่ให้การ์ดตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มวัยรุ่น แต่ในขณะที่รัฐทางใต้ การระบาดใกล้ที่จะถึงจุดสูงสุด ในพื้นที่อื่น ๆ รวมถึงเขตมิดเวสต์ ยังคงน่าเป็นห่วง
ซีดีซีบอกว่าการเสียชีวิตจะมากขึ้นในอะลาบาม่า , เคนตักกี , นิวเจอร์ซี , เปอร์โตริโก , เทนเนสซี และวอชิงตัน ในบางรัฐเหล่านี้ แต่ก่อนเคยมีรายงานว่า สถานการณ์เริ่มดีขึ้น แต่ตอนนี้ ก็กลับมาสู่ความน่าวิตกอีกครั้ง
อย่างนิวเจอร์ซี เมื่อปลายเดือนมิถุนายน ในแต่ละวันมีผู้ติดเชื้อใหม่ราว 350 คน พอถึงปลายเดือนที่แล้ว เพิ่มมาเป็นวันละ 550 คน และแม้จะมีคำสั่งเรื่องการจำกัดการรวมตัวกัน เมื่อไม่กี่วันก่อนตำรวจก็เพิ่งบุกเข้าทะลายงานปาร์ตี้ของวัยรุ่นที่มีผู้เข้าร่วมมาก กว่า 700 คน
ที่เมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี มีรายงานว่าในช่วง 7 วันที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนทั้งรัฐ เมื่อวันเสาร์มีผู้ติดเชื้่อใหม่มากกว่า 500 คน โดย 11 คนในจำนวนนั้น เป็นเด็กอายุ 3 ขวบหรือน้อยกว่า
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังคงยืนยันว่าวิธีป้องกันการระบาดก็ยังคงง่าย ๆ เหมือนเดิมคือหลีกเลี่ยงการรวมตัวกัน รักษาระยะห่างทางสังคม และ สวมหน้ากาก และเนื่องจากวัยรุ่นมากมายอาจจะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ พวกเขาก็จึงสามารถนำเชื้อจากภายนอกมาติดในครอบครัวได้ง่าย อย่างในรัฐวอชิงตัน อย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ติดเชื้อ เป็นพวกที่ไม่มีอาการ
รัฐวอชิงตันเป็น 1 ใน 39 รัฐที่มีคำสั่งเกี่ยวกับการใช้หน้ากาก แต่ก็มองกันว่านั่นยังไม่เพียงพอที่จะดึงอัตราการติดเชื้อให้ลดลงมา เพราะนั่นถือเป็นราว 55 เปอร์เซ็นต์ของประชากร แต่เพื่อที่จะรักษาชีวิตคนในชาติไว้ อย่างคนสิงคโปร์ก็ใช้หน้ากากกันมากถึง 95 เปอร์เซ็นต์