แดเนียล แอนดรูว์ ผู้ว่าการรัฐออสเตรเลีย แถลงวันนี้แสดงความเสียใจที่มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 รายใหม่ทำสถิติสูงสุดอีก 13 คนและมีผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 723 คน ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดครั้งใหม่ ทำลายสถิติเดิมที่บันทึกได้ 532 คนเมื่อวันจันทร์ เขาระบุด้วยว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่มาจากบ้านพักคนชรา พร้อมกับแสดงความกังวลว่า ยังคงมีผู้ป่วยจำนวนมากที่เข้ารับการตรวจหาเชื้อและรอฟังผลยังคงออกจากบ้านไปทำงาน ซึ่งจะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อไป
ขณะที่ปัจจุบันรัฐวิกตอเรียมีผู้ติดเชื้อสะสมสูงถึง 9,998 คน และผู้เสียชีวิตสะสม 105 คน และผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศเพิ่มเป็น 16,298 คนและผู้เสียชีวิตสะสม 189 คน
นอกจากนี้ผู้ว่าการรัฐวิกตอเรีย ประกาศด้วยว่า นับตั้งแต่เวลา 23.59 น.ของคืนวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น ประชาชนทุกคนในรัฐวิกตอเรียจะต้องสวมหน้ากากเวลาออกนอกบ้านทุกครั้งจากเดิมที่บังคับใช้กับเมืองเมลเบิร์น และเขตมิตเชลล์ ไชร์ ที่อยู่ใกล้เคียงเท่านั้น
ขณะนี้เมลเบิร์นและมิตเชลล์ ไชร์อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มานาน 3 สัปดาห์แล้วจากกำหนดระยะเวลาทั้งหมด 6 สัปดาห์ แต่มีแนวโน้มว่า การล็อกดาวน์อาจถูกขยายเวลาออกไปอีก
นอกจากนี้ผู้ว่าการรัฐวิกตอเรียยังประกาศขยายข้อบังคับเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยประชาชนในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใตของเมืองเมลเบิร์นจะไม่ได้รับอนุญาตให้มีแขกมาเยี่ยมบ้านตั้งแต่ค่ำวันนี้เป็นต้นไป แต่คาเฟ ผับและร้านอาหารยังเปิดได้เพราะสถานที่เหล่านี้สามารถควบคุมการเว้นระยะห่างได้