svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

จีนปิดสถานกงสุล "เฉิงตู" หวังจำกัดวงสงครามการทูตกับสหรัฐฯ

30 กรกฎาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เมื่อสหรัฐฯ สั่งให้จีนปิดสถานกงสุลที่เมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส จีนจึงต้องตอบโต้สหรัฐฯ ในระดับเดียวกันบ้าง ด้วยการสั่งให้สหรัฐฯ ปิดสถานกงสุลที่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน

แต่ทำไมจีนถึงเลือกให้สหรัฐฯ ปิดสถานกงสุลที่เฉิงตู ทั้งที่นอกจากสถานเอกอัครราชทูตในกรุงปักกิ่งแล้ว สหรัฐฯ ยังมีสำนักงานการทูตในระดับสถานกงสุลอยู่ในดินแดนของจีนรวมทั้งสิ้นถึง 6 แห่งด้วยกัน ได้แก่ อู่ฮั่น เสิ่นหยาง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เฉิงตู และฮ่องกง

จีนปิดสถานกงสุล "เฉิงตู" หวังจำกัดวงสงครามการทูตกับสหรัฐฯ


การที่จีนเลือกให้สหรัฐฯ ปิดสถานกงสุลที่เฉิงตู มี 4 เหตุผลที่น่าจะอธิบายได้

จีนปิดสถานกงสุล "เฉิงตู" หวังจำกัดวงสงครามการทูตกับสหรัฐฯ

1. แม้สถานกงสุลที่เฉิงตูไม่ได้ใหญ่ที่สุด ไม่ได้สำคัญที่สุด แต่ "สมน้ำสมเนื้อ" กับสถานกงสุลจีนที่ฮุสตันที่ถูกสั่งปิดมากที่สุด โดยเฉพาะในแง่ของจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ ในเว็บไซต์ของสถานกงสุลเฉิงตูระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอยู่ที่นี่ประมาณ 200 คน (เป็นพลเมืองจีนประมาณ 150 คน) ตอนแรกมีกระแสข่าวว่า จีนตั้งใจให้สหรัฐฯ ปิดสถานกงสุลที่เมืองอู่ฮั่น แต่เปลี่ยนใจภายหลัง เพราะเจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐฯ ที่อู่ฮั่นได้อพยพออกไปด้วยตัวเองตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อต้นปีแล้ว หวยก็เลยไปออกที่เฉิงตูแทน

จีนปิดสถานกงสุล "เฉิงตู" หวังจำกัดวงสงครามการทูตกับสหรัฐฯ


2. ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ หากเราเปรียบเทียบ "ทำเล" ของสถานกงสุลทั้งสองแห่งที่ถูกสั่งปิดจะเห็นว่า ต่างก็ตั้งอยู่บริเวณ "ภาคใต้" ของประเทศเหมือนกัน และที่สำคัญสถานกงสุลที่เฉิงตูมีภารกิจครอบคลุม "เขตปกครองทิเบต" ซึ่งเรื่องทิเบตเป็นหนึ่งในประเด็นที่สหรัฐฯ มักหยิบยกมากดดันรัฐบาลจีนอยู่เสมอ นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบกับสำนักงานการทูตอื่นๆ ของสหรัฐฯ ในจีนแล้ว สถานกงสุลเฉิงตูยังตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่อ่อนไหวอย่าง "เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์" มากที่สุด และยังใกล้กับพื้นที่พิพาทบริเวณ "พรมแดนระหว่างจีนกับอินเดีย" มากที่สุดด้วย

จีนปิดสถานกงสุล "เฉิงตู" หวังจำกัดวงสงครามการทูตกับสหรัฐฯ


3. สหรัฐฯ อ้างว่า สาเหตุที่จำเป็นต้องสั่งปิดสถานกงสุลจีนที่ฮุสตัน ก็เพราะที่นั่นเป็น "จุดศูนย์กลางของกิจกรรมสอดแนมและขโมยทรัพย์สินทางปัญญา" ของจีนในสหรัฐฯ ขณะที่สถานกงสุลสหรัฐฯ ในเฉิงตูก็เคยถูกกล่าวหาในแบบเดียวกัน เมื่อปี 2556 "เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน" เคยแฉว่าสถานกงสุลเฉิงตูเป็นหนึ่งในสำนักงานการทูตที่สหรัฐฯ มีภารกิจและเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับการสอดแนมข้อมูล
4. จีนเลือกที่จะตอบโต้สหรัฐฯ อย่างระมัดระวังที่สุดเพื่อไม่ให้สถานการณ์ความขัดแย้งบานปลาย เพราะหากจีนเลือกสั่งปิดสถานกงสุลที่ฮ่องกงหรือเซี่ยงไฮ้ซึ่งมีความสำคัญมากกว่า จีนก็เกรงว่า สหรัฐฯ อาจมีมาตรการตอบกลับตามมาอีกระลอกได้ นอกจากนี้จีนยังไม่อยากให้กระแสต่อต้านอเมริกาในประเทศลุกลาม เห็นได้จากภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พยายามห้ามปรามชาวจีนหลายพันคนที่ไปรวมตัวโดยรอบสถานกงสุลในเฉิงตูไม่ให้โบกธงชาติจีน โห่ร้อง หรือตะโกนข้อความที่แสดงออกถึงความรักชาติ

เป็นที่น่าสังเกตว่า ขณะนี้รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเคลื่อนไหวในลักษณะเหมือนจะต้องการปลุกกระแสความหวาดกลัว "ลัทธิคอมมิวนิสต์" ให้เกิดขึ้นในสังคมอเมริกาอีกครั้ง ราวกับว่าคอมมิวนิสต์น่ากลัวยิ่งกว่าไวรัส (จริงๆ ไวรัสโควิด-19 คนในรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ยังนิยมเรียก "ไวรัสจีน" มาจนทุกวันนี้)
นอกจากการอ้างเรื่องการสอดแนมเพื่อปิดสถานกงสุลจีนแล้ว ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาสหรัฐฯ ยังได้กวาดล้างจับกุมสายลับจีนในประเทศ และมีการกล่าวสุนทรพจน์โจมตีจีนโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนในรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วย โดยเฉพาะรัฐมนตรีต่างประเทศ "ไมค์ ปอมเปโอ" ที่ถึงกับกล่าวว่า "ถ้าโลกเสรีไม่เปลี่ยนคอมมิวนิสต์จีน คอมมิวนิสต์จีนจะเปลี่ยนเราแน่นอน" พร้อมกับเรียกร้องให้พันธมิตรของสหรัฐฯ ทั่วโลกร่วมกันดำเนินนโยบายเชิงรุกต่อจีนมากขึ้น

จีนปิดสถานกงสุล "เฉิงตู" หวังจำกัดวงสงครามการทูตกับสหรัฐฯ


ด้านรัฐบาลจีนคงไม่อยากทำอะไรมากในตอนนี้ นอกจาก "ร้องเพลงรอ" อีกประมาณ 3 เดือนเพื่อให้ชัดเจนก่อนว่า หลังการเลือกตั้ง สหรัฐฯ จะยังคงมีประธานาธิบดีที่ชื่อว่า "โดนัลด์ ทรัมป์" ไปอีก 4 ปีหรือไม่ ทางออกที่ดีที่สุดของจีนในขณะนี้จึงหนีไม่พ้นการตอบโต้สหรัฐฯ เท่าที่จำเป็น เพื่อ "จำกัดวงศึกการทูต" ไม่ให้ลุกลามบานปลาย

จีนปิดสถานกงสุล "เฉิงตู" หวังจำกัดวงสงครามการทูตกับสหรัฐฯ

logoline