เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ก.ค. 63 ที่หอประชุมเสิงสาง อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายวีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางมารับฟังปัญหาจากเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง อ.เสิงสาง ที่กำลังประสบปัญหา จากการระบาดของโรคไวรัสใบด่าง ซึ่งกำลังแพร่ระบาดอยู่ทั่วทั้งจังหวัดนครราชสีมาในขณะนี้ โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา หัวหน้าส่วนราชการ และเกษตรกร รายงานปัญหาและเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหา พร้อมกับเยียวช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ
จากรายงานพบว่าในประเทศไทย ได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคไวรัสใบด่างในมันสำปะหลัง มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 และเริ่มแพร่กระจายเป็นวงกว้างมาจนถึงปัจจุบัน ล่าสุดพบการแพร่ระบาดของโรคใบด่างแล้ว 22 จังหวัด รวมพื้นที่ระบาดกว่า 3 แสนไร่ เฉพาะในจังหวัดนครราชสีมา พบการระบาดแล้วใน 28 อำเภอ รวมพื้นที่ที่มีการระบาดกว่า 260,000 ไร่ และยังคงมีแนวโน้มการระบาดเพิ่มขึ้น ทางตัวแทนเกษตรกรเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหา ด้วยการขอให้ ปัญหาการระบาดโรคใบด่างเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ปัญหานี้ถูกแก้ไขเป็นกรณีเร่งด่วน หลังจากที่ปล่อยให้มีการระบาดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 , เสนอให้มีการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาค่าชดเชยให้กับเกษตรกรที่เกิดปัญหาการระบาดของโรคใบด่าง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการทำลายท่อนพันธุ์มันสำปะหลังที่เกิดโรคให้เหมาะสม เพื่อรณรงค์ให้มีการกำจัดตัดวงจรการระบาดของโรคพร้อมกันทั่วประเทศ , ขอให้ปลดล็อคการการให้ความช่วยเหลือแก่ที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ เพื่อให้เกษตรกรสามารถขอความช่วยเหลือจากทางภารรัฐได้ , ให้ทางรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหานี้เป็นกรณีเร่งด่วนเหมือนเช่นการแก้ไขปัญหาเรื่องภัยพิบัติ , ขอให้รัฐบาลเร่งรณรงค์กำจัดแมลงหวี่ขาว ซึ่งเป็นพาหะนำโรค , จัดหาท่อนพันธุ์สะอาดปลอดเชื้อมาให้เกษตรกรเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดอีกในอนาคต รวมถึงขอให้มีการพักหนี้ให้กับเกษตรกรที่ประสบปัญหานี้ด้วย
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวทางที่เกษตรกรเสนอ และจะเร่งนำปัญหาและแนวทางการแก้ไขที่ได้รับฟังมา เสนอต่อนายกรัฐมนตรีโดยตรงภายในวันอังคารที่จะถึงนี้ และยอมรับว่าที่ผ่านมายังไม่มีการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง จนทำให้เกิดการแพร่ระบาดไปเป็นวงกว้าง ดังนั้นต่อไปนี้จะนิ่งเฉยไม่ได้ และต้องมีการผลักดันให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง