svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

PODCAST สรุปให้ฟัง EP19 - VIP ของรัฐบาล

17 กรกฎาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สวัสดีค่ะคุณผู้ฟัง มาพบกันเช่นเคยนะคะกับpodcast สรุปให้ฟัง หลายคนคงเห็นข่าว ทหารอียิปต์ หรือ ลูกทูตซูดาน กันมาบ้างแล้ว ซึ่งทั้ง 2 ข่าวนี้เป็นข่าวที่ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนทั้งประเทศ เพราะทั้ง 2 เคสนี้ คือเคส VIP ของรัฐบาล ที่หมอทวีศิลป์ บอกว่าเป็นข้อยกเว้น เนื่องจากหากไม่รับจะทำให้มีปัญหาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ




เริ่มจากประเด็น ทหารอียิปต์ ที่ทหารนำเครื่องบินมาจอดพักเพื่อพักเครื่อง ? ที่อู่ตะเภา จังหวัดระยอง ไปพักที่โรงแรมชื่อดังในระยองแล้วไม่กักตัว 14 วัน นอกจากนั้น คณะนี้ยังไปเดินห้างสรรพสินค้าถึง 2 แห่ง นั่นก็คือ ห้าง แพสชั่นระยอง หรือห้างแหลมทองระยองเดิม และอีกที่คือเซ็นทรัลระยอง จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 ห้างนี้คือห้างที่เป็นที่นิยมและเป็นห้างที่มีขนาดใหญ่ของระยองเลยทีเดียว นั่นหมายความว่าหากมีผู้ติดเชื้อเข้าห้างดังกล่าว ก็จะเพิ่มความเสี่ยงที่คนไทยจะติดโรคโควิดได้ โดยทาง ศบค. ได้ชี้แจง และทางกระทรวงสาธารณสุขได้ติดตามเคสนี้อย่างเข้มข้น โดยการให้ผู้ที่เข้าห้าง ที่สแกนไทยชนะ ทั้ง 394 คนมาตรวจหาเชื้อในวันต่อมาหลังจากทหารคนนั้นไปห้าง เป็นที่น่าสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่รอให้พ้น 14 วันก่อน หากตรวจตอนนี้ก็ไม่พบเชื้ออยู่ดี และทางห้างและโรงแรมก็ได้ทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของชาวระยองก็ลดลงเนื่องจาก เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ (ที่คนไทยไม่ได้ติดเชื้อกันเอง แต่เป็นการนำเชื้อโรคเข้ามาจากต่างประเทศ) และการท่องเที่ยวของระยองแทนที่จะกลับมาฟื้นฟูเพราะไม่มีผู้ติดเชื้อราวๆ 50 วันแล้ว แต่แล้วก็กลับมาซบเซาเพราะผู้คนระแวงว่าจะติดเชื้อ ทำให้ยอดจองโรงแรมลดลงถึง 90%



และล่าสุด แหม่มโพธิ์ดำ ก็ได้มาออกมาโพสต์ถึงเคสทหารอียิปต์ที่ระยองว่า เหตุใดถึงอะลุ่มอลวยกับอภิสิทธิ์ชนและกลับมาเข้มงวดกับเฉพาะคนไทยด้วยกันเสียเอง



ส่วนเคส เด็กหญิง 9 ขวบ ลูกทูตซูดาน ก็เข้ามาในประเทศได้เพราะสิทธิทางการทูต และทางสาธารณสุขยอมปล่อยเข้ามาเพราะสิทธิวีไอพีตัวนี้ แต่ผอ.การท่าสุวรรณภูมิ สัมภาษณ์ในรายการเก็บตกจากเนชั่นภาคเที่ยง ไว้ว่า ถึงแม้ว่ามีสิทธิทางการทูตแต่ต้องมีเอกสารการตรวจจากประเทศต้นทางมายืนยันและตรวจหาโควิดซ้ำที่สุวรรณภูมิ แต่กรณีนี้ก็เป็นที่น่าสงสัยว่าเหตุใดครอบครัวของทูตซูดาน และรู้ทั้งรู้ว่าลูกทูตคนนี้มีเชื้อถึงเข้ามาในประเทศไทย เพื่อต้องการมารักษาในประเทศไทยหรือเปล่า ซึ่งจากเคสนี้ เป็นเคสที่อยู่ในใจกลางเมืองหลวงของประเทศ มีรถไฟฟ้าผ่านหลายสายและเป็นพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก นั่นเท่ากับว่าจะเพิ่มความเสี่ยง โควิดรอบ 2 ในประเทศไทยกลับมาหรือไม่ คงต้องรอดูอีก 14 วัน


แต่ล่าสุดมีเคสใหม่มาอีกแล้ว เมื่อสักประมาณ ตี 3 ของวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ทูตของประเทศเอสโตเนีย เดินทางเข้ามาในโรงแรมแห่งหนึ่งในสุขุมวิท 20 อ้างว่ามีเอกสารตรวจเชื้อโควิดจากประเทศต้นทางและตรวจหาเชื้อซ้ำที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ซึ่งทางนิติบุคคลของคอนโดนี้ ก็ไกล่เกลี่ยไม่ให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเข้าพักในคอนโด เนื่องจากเป็นพื้นที่ของเอกชน ได้รับเสียงชื่นชมของชาวเน็ตเป็นจำนวนมากที่ นินิตบุคคลเข้มแข็งไม่ยอมให้คนเหล่านี้เข้าพัก เนื่องจากอาจนำเชื้อมาแพร่สู่คนไทยได้โดยผู้จัดการคอนโด ได้โทรไปถาม ศบค.ว่าจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ แต่แล้ว ทาง ศบค.ก็ให้ผู้จัดการไปประสานกับทางสถานทูตด้วยตนเอง และจากเหตุการณ์นี้เองกว่าเจ้าหน้าที่คอนโดจะไกล่กลี่ยได้ ต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงด้วยกัน และทางนายสุรัตน์ อมรดารารัตน์ ผู้อำนวยการเขตคลองเตย ผู้รับผิดชอบดูแลพื้นที่ดังกล่าว ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการ"เนชั่นคนข่าวเข้ม" ในวันนี้ว่า เคสดังกล่าวสถานทูตของเอสโตเนียหา state quarantine ให้ใหม่ แต่สถานทูตฯไม่ได้แจ้งเขตคลองเตยว่าให้เจ้าหน้าที่คนนี้ไปกักตัวที่ไหน และผอ.เขตยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศหรือ ศบค.มาเจรจาเรื่องนี้ มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจและนิติฯคอนโดมาไกล่เกลี่ยเท่านั้น


และเมื่อ 11.30 น.ที่ผ่านมา หมอทวีศิลป์ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวแล้วว่า ทูตเอสโตเนียได้ย้ายไปพักที่สเตท ควอรันทีนที่ โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พ้อยท์ ที่เทอมินัล 21 อโศกแล้ว ซึ่งผลการตรวจเบื้องต้นไม่พบเชื้อ พร้อมมีมติให้นักการทูตทุกประเทศต้องอยู่ในสถานกักกันทั้งหมด


เอาล่ะค่ะ ตอนนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ทูตเอสโตเนียคนนี้พักที่ไหน และมติ สบค.คงชัดเจนในระดับหนึ่ง แต่เชื่อว่าคนไทยหลายคนก็ยังคาใจกับเรื่องทูตต่างชาติเข้ามาพักในไทยอยู่ ว่าใครและเหตุใดจึงอนุญาตให้คนเหล่านี้เข้ามาพักได้ ก็ยังเป็นคำตอบที่ต้องรอผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงต่อไป

logoline