นางเพชรรัตน์ ยอมรับว่า ได้เดินทางเข้าประเทศจากช่องทางธรรมชาติซึ่งเป็นความผิดไม่ปฎิบัติตามพระราชกำหนดบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร ในระบบสาระสนเทศตรวจคนเข้าเมือง พบว่าผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2563 เวลา 13.39 นาที ทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก และไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้าราชอาณาจักรแต่อย่างใด
พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผู้บังคับการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 3 เปิดเผยว่า แนวทางสืบสวนเบื้องต้น พบว่าขณะนี้ยังไม่มีข้าราชการและตำรวจ เกี่ยวข้องหรือรับเงินจากนางเพชรรัตน์
พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผู้กำกับการ ตม.จังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ตำรวจสืบสวนนานกว่า 4 วัน เนื่องจากผู้ต้องหาใช้โซเชียลมีเดีย หลอกว่าอยู่ตามสถานที่นั้น ๆ แต่เมื่อตรวจสอบกลับไม่พบสำหรับนางเพชรรัตน์ จากการตรวจสอบพบไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เป็นเพียงแค่นายหน้ามาอีกทอดหนึ่ง จากนางสาวสอ โดยได้รับค่านายหน้าจำนวน 500 บาทต่อคน และมีชาวกัมพูชาทำหน้าที่ขับรถรับส่ง เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีนางเพชรรัตน์ หรือเจ๊เพชร ข้อหาเป็นบุคคลเข้ามาหรือออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่เข้าออกตามช่องทางด้านตรวจ ฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม มาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า ได้สั่งการตำรวจ ตม.ประสานทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกวดขันจับกุมกวาดล้างผู้ลักลอบเข้ามาในประเทศอย่างจริงจัง โดยเฉพาะช่องทางธรมชาติ แต่ด้วยอาณาเขตพื้นที่กว้างอาจยากในการดำเนินการ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีจำนวนจำกัดหากจะดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง อาจเป็นเรื่องยาก จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยตรวจสอบคัดกรองหากพบบุคคลใดเข้าข่ายลักลอบเข้าเมืองสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ พร้อมทั้งเตือนถึงผู้ประกอบการไม่ควรลักลอบผู้ใช้แรงงานผิดกฎหมายรับเข้าทำงาน ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงที่อาจติดเชื้อ COVID-19 ได้.