svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

แนะสินค้าไทยเจาะตลาดออนไลน์เมียนมา22ล้านคน

15 กรกฎาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

พาณิชย์ แนะผู้ประกอบการไทยรุกตลาดออนไลน์ในเมียนมา หลังพบชาวเมียนมากว่า 41% หันมาใช้สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียในชีวิตประจำวัน และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เผยการซื้อขายผ่านเฟซบุ๊กมาแรง ตามด้วยเว็บไซต์ออนไลน์ ส่วนการซื้ออาหารผ่านแอปฯก็เริ่มเติบโตมากขึ้น

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาถึงแนวโน้มการใช้สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียในชีวิตประจำวัน โดยพบว่าปัจจุบันชาวเมียนมามีการใช้งานเพิ่มมากขึ้น มีจำนวนผู้ใช้โซเชียลมีเดียกว่า 22 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ41 ของจำนวนประชากรทั้งหมดของเมียนมาที่มี 54 ล้านคนโดยมีประชากรเป็นวัยแรงงานอายุระหว่าง 15-64 ปี คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 67ซึ่งนับว่าเป็นช่วงอายุที่มีโอกาสจะใช้โซเชียลมีเดียและซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านออนไลน์แพลตฟอร์มต่างๆ ได้โดยประชากรส่วนใหญ่ที่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้นั้นจะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่เช่น ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และเนปิดอว์ เป็นต้น



แนะสินค้าไทยเจาะตลาดออนไลน์เมียนมา22ล้านคน




ทั้งนี้ผลจากการเติบโตของการใช้สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียของชาวเมียนมา ทำให้เป็นโอกาสของผู้ผลิตผู้ส่งออกของไทยที่จะต้องพิจารณาใช้ช่องทางเหล่านี้ในการขยายตลาดส่งออกให้กับสินค้าไทยเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น และหากไทยวางแผนเข้าสู่ตลาดได้เร็วก็จะสร้างโอกาสได้เร็วเช่นเดียวกัน

นายธนวุฒิ นัยโกวิท ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 จนถึงเดือนมกราคม 2563 มีผู้ใช้สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.6% โดยชาวเมียนมานิยมใช้โซเชียลมีเดีย ได้แก่Facebookมีจำนวนผู้ใช้กว่า 21 ล้านบัญชีInstagramประมาณ 640,000 บัญชี และLinkedinประมาณ 510,000 บัญชี





แนะสินค้าไทยเจาะตลาดออนไลน์เมียนมา22ล้านคน





สำหรับสถานการณ์การค้าออนไลน์ เมียนมามีช่องทางการค้าออนไลน์ (E-Commerce Platform)โดย 5 อันดับได้รับความนิยม ได้แก่Facebook , Shop.com.mm , Barlolo.com , Spree.com.mmและBaganmart.comและพบว่า ชาวเมียนมามีการค้าขายสินค้าผ่านทางFacebookและใช้วิธีเก็บเงินปลายทางเป็นส่วนใหญ่ โดยในปี 2562 มีผู้ที่ซื้อสินค้าออนไลน์ (Active Online Buyers)ประมาณ 180,000 คน มูลค่าการซื้อสินค้าเฉลี่ยประมาณ 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อครั้ง โดย 5 อันดับสินค้าที่นิยมซื้อออนไลน์จากต่างประเทศ ได้แก่ สินค้าแฟชั่น (เสื้อผ้า รองเท้า หมวก กระเป๋า)เครื่องสำอาง ตั๋วรถยนต์/เครื่องบิน/รถไฟ หนังสือ เครื่องดื่มและอาหาร ตามลำดับ












แนะสินค้าไทยเจาะตลาดออนไลน์เมียนมา22ล้านคน



นอกจากนี้ ยังพบว่าจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้มีการใช้อินเทอร์เน็ตสูงขึ้น และมีการซื้อสินค้าออนไลน์ และใช้แอปพลิเคชันจัดส่งอาหารมากขึ้น ทำให้ธุรกิจให้บริการสั่งซื้อและจัดส่งอาหารผ่านออนไลน์เติบโต โดยมีแพลตฟอร์มที่สำคัญ เช่นYangon Door2Door , Food Panda , Grab Food , Food2U , Hi-Soเป็นต้น













อย่างไรก็ตาม ชาวเมียนมายังเป็นสังคมที่พึ่งพาการใช้เงินสด ทำให้การเติบโตของการค้าออนไลน์ยังเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่มีบัญชีธนาคารOnline Bankingรวมถึงบัตรเครดิต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมการค้าออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ แต่ชาวเมียนมาเริ่มหันมาใช้ระบบE-WalletและMobile Moneyเช่นWave Money , OK DollarและTrue Moneyเพื่อชำระเงินออนไลน์ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่มากขึ้น จึงอาจช่วยส่งเสริมธุรกิจอีคอมเมิร์ช ให้เติบโตขึ้นในอนาคต จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย ที่จะต้องพิจารณาการเข้าสู่ตลาดผ่านช่องทางออนไลน์













ปัจจุบัน ประชากรเมียนมาสามารถเข้าถึงการใช้อินเตอร์เน็ตถึงร้อยละ 41 ของทั้งประเทศ โดยมีการใช้อินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือกว่าร้อยละ 55 โดยจากสถิติของธนาคารโลก พบว่ามีประชากรที่เคยซื้อสินค้าหรือชำระบิลผ่านระบบออนไลน์เพียงร้อยละ 3.6 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ และมีสัดส่วนการใช้โทรศัพท์มือถือ 68,240,000 หมายเลข หรือ 126% (เนื่องจากผู้ใช้ 1 คน อาจมีการใช้โทรศัพท์มากกว่า 1 หมายเลข) ทั้งนี้ เป็นการใช้ระบบบรอดแบรน์ (3G/4G)สัดส่วน 82% เมื่อปรียบเทียบกับเมื่อ 5 ปีที่ก่อนมีบัญชีผู้ใช้เครือข่ายโทรศัพท์อยู่เพียงร้อยละ 13 ของจำนวนประชากรในประเทศเมียนมา

logoline