สังคมและโลกโซเชียลให้ความสนใจคดีการเสียชีวิต ของน้องชมพู่และได้แชร์ภาพข้อสงสัย กรณีที่นรินทร์ หลาบโพธิ์ น้องชายแท้ๆของแม่น้องชมพู่ เคยโพสต์เอาไว้ตั้งแต่เดือนมีนาคม ที่ผ่านมาระบุเป็นภาพคาดว่าใช้จับหนูที่เลี้ยงขายระบุว่า "มีใครสงสัยเหมือนเราบ้างว่ารูที่ก้นน้องมันเหมือนมาจากอุปกรณ์ตัวนี้"
ทัวร์ลงเปิดภาพอุปกรณ์จับหนู น้าชมพู่ โซเชียลจับผิดเหมือนรูลึกที่ร่างชมพู่
ขณะที่โซเชียลได้เอาภาพดังกล่าวไปเปรียบเทียบ สอบถามจำนวนมากอุปกรณ์เอาไว้ทำอะไร และเชื่อมโยงกับ คดีน้องชมพู่ อย่างไรบ้าง นอกจากนี้บางคนมองว่าเป็นไปได้หรือไม่ เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้ศพของน้องชมพู่เป็นรูโบ๋
ไม่เพียงเท่านั้นในเฟสบุ๊กของน้าชาย ชมพู่มีหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ
'ไหนพ่อแม่น้องชมพู่ น้าแต น้าต่าย จะไปสาบานคะ แค่ยกมือสาบานหน้าวัดพระแก้วแค่นั้นไม่พอค่ะ ต้องไปสาบานต่อสถานที่ที่นั้นแบบจุดธูปสาบานค่ะ แล้วจะบอกว่าเราเคยเห็นผลของการสาบานมาแล้วค่ะไม่ตาย 3 วัน 7 วัน แต่เหมือนตายทั้งเป็นตลอดชีวิต จริงไม่จริงทำไม่ทำ ก็ต้องไปสาบานนะคะ เพื่อความบริสุทธิของตัวเอง...เพี๊ยง '
'ไม่สะทกสะท้านคำด่าของชาวเน็ต รู้สึกว่าเหมือนจะบ่ายเบนให้ทุกคนมุ่งตรงมาคนๆนี้ เพื่อปกปิดความจริงของคนในครอบครัว บางที่เส้นผมบังภูเขา ทำไปเพื่อไม่ให้คนๆนั้นโดนจับ ถ้าคนปกติจริง เขาต้องปิดเฟสไม่ให้ใครเข้ามาด่าหรอก มันผิดวิสัยมนุษย์ทั่วไป มองลึกๆเข้าไปเหตุการณ์ ครั้งนี้ไม่มีใครตั้งใจฆ่าเด็ก แต่อาจจะพลาดพลั้งทำให้เด็กตาย ซึ่งเราสงสัยนะว่า น้องออาจจะเล่นหนู จนหนูตาย แล้วมีคนในบ้านเห็นและโมโหหนัก ก็เลยจัดหนักกับน้องลงโทษน้องเอาไปขังในบ่อหนู จนน้องกลัว จนช็อค จึงร่วมกันอำพลางศพ '
ซึ่งก่อนหน้านี้ นพ.ศักดิ์สิทธิ์ บุญลักษณ์ หัวหน้ากลุ่มงานนิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ผู้ผ่าชันสูตรศพน้องชมพู่คนแรก เปิดเผยผลชันสูตรศพน้องชมพู่ว่าส่วนอวัยวะภายใน มีหลายส่วนเริ่มเน่าจนไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้ แต่ยืนยันว่า สมองและปอดไม่พบความผิดปกติ ที่เกิดจากการทำร้ายร่างกาย มีเพียงการเน่า กะโหลกศรีษะไม่พบการแตกร้าว คอไม่หัก ไม่มีรอยฟกช้ำ ขณะที่กระเพาะอาหาร ไม่มีอาหารหลงเหลืออยู่เลย มีเพียงของเหลว 10 มิลลิลิตรเท่านั้น ที่สำคัญอวัยวะเพศไม่พบร่องรอยที่เกิดจากการถูกล่วงละเมิด เยื่อพรหมจรรย์อยู่ในสภาพสมบูรณ์
เมื่อผลไม่ปรากฎหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ระบุได้ว่า นี่คือคดีฆาตกรรม แพทย์นิติเวช จึงตำหนิการทำงานของตำรวจที่พยายามหาหลักฐานเชื่อมโยง มองว่าเป็นการสืบสวนสอบสวนที่ไม่ถูกต้อง ตั้งธง โดยไม่อิงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่ถือเป็นหลักฐานสำคัญ