svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ไร้แนวคิดต่ออายุราชการตัวเอง เชื่อนายกฯไม่ชวนทำการเมือง

08 กรกฎาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผู้บัญชาการทหารบก ยืนยันไม่มีแนวความคิดต่ออายุราชการตนเอง ชี้เป็นเรื่องไร้สาระ ไม่สร้างสรรค์ ย้ำหลังเกษียณจะ Set Zero ตัวเอง พร้อมเชื่อนายกฯ ไม่ชวนทำงานการเมือง

(8 กรกฎาคม 2563) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกระแสข่าวจะต่ออายุราชการหลังเกษียณ ในวันที่ 30 ก.ย. นี้ โดยขอย้ำจากใจว่า ตนเองในฐานะทหารอาชีพ และตามแนวทางการรับราชการที่ถูกกำหนดไว้ชัดเจน ว่าทหารทุกคนต้องเกษียณอายุราชการ แต่ก็มีบางกรณีที่ไปคุ้ยถึงเรื่องทหารบางคนที่ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ ขออย่าสร้างกระแส เพราะโดยส่วนตัวยืนยันว่าต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของกระทรวงกลาโหม ในการเกษียณอายุราชการและในการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ วันนี้ (8ก.ค.) ก็ได้มีการพูดคุยถึงกระแสการต่ออายุราชการ ซึ่งไม่ใช่ข่าวในเชิงที่สร้างสรรค์ และทำให้เกิดความขัดแย้ง และตนมองว่าไม่มีสาระและไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ "ซึ่ง 30 ก.ย.นี้ จะส่งธงแล้วและหมดภาระหน้าที่ ถือว่าจบภารกิจในการเป็นผู้บัญชาการทหารบก ดังนั้น อยากให้ผู้ที่สร้างกระแสต่างๆ นำความจริงมาพูดกัน โดยเฉพาะการใช้สื่อสังคมออนไลน์โจมตีกัน และยืนยันว่าไม่ได้มีความกังวลเรื่องใด เพราะจากที่รับราชการมา ได้ทำทุกเรื่องที่คิดว่าดีที่สุดต่อกองทัพ และต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเทิดทูนสถาบันฯ" ผบ.ทบ. กล่าว

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ผู้ที่จะมารับหน้าที่ต่อก็ต้องสืบสานต่อกันไป ไม่ว่าจะเป็นเหล่าทัพใดก็ตาม ขณะเดียวกัน ในช่วงปลายเดือนส.ค. ตนจะแถลงผลงานของกองทัพบกในหลายเรื่อง เพราะที่ผ่านมาก็ยังมีผู้มาโจมตี เช่น เรื่องศูนย์ร้องทุกข์ โดยจะสรุปผลงานต่างๆ ด้วยตัวเอง เพราะกองทัพบกเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ ไม่จำเป็นต้องมานั่งรายงานทุกเรื่อง เป็นหน่วยงานที่มีระเบียบวินัย ถือว่าคำพูดเป็นนาย เมื่อพูดไปแล้วก็ต้อง ทำและกำลังพลเมื่อได้รับคำสั่งก็ต้องปฏิบัติ หากกระทำผิดก็ต้องถูกลงโทษทางวินัย พล.อ.อภิรัชต์ ยืนยันว่า การแก้ปัญหาของกองทัพบก คืบหน้าไปมาก โดยเฉพาะประเด็นโจมตีทางโซเขียลมีเดีย ส่วนความคืบหน้าการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารเดือน ต.ค. 2563 นั้น อยู่ที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในการกำหนดวัน-เวลาส่งบัญชีรายชื่อของแต่ละเหล่าทัพ และในการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ วันนี้ก็ได้มีการพูดคุยกันเบื้องต้นแล้ว เชื่อว่าทุกเหล่าทัพได้มีการมองบุคคลที่มีความเหมาะสมแล้ว เพื่อมาทำงานต่อในทุกตำแหน่ง ไม่ใช่เฉพาะตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งเป็นแนวทางที่ชัดเจน 
ทั้งนี้ ตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ เป็นเรื่องที่แต่ละเหล่าทัพจะเสนอขึ้นมา และผ่านไปสู่ขั้นตอนการพิจารณาของกองทัพไทย และกระทรวงกลาโหมต่อไป ซึ่งมีอีกหลายขั้นตอน ส่วนกรณีที่ถูกจับตามองหลังเกษียณอายุราชการนั้น ก็เป็นเรื่องที่แต่ละบุคคลจะจับจ้องกันไป ไม่ได้คิดจะทำอะไร

สำหรับกรณี ส.ส. พรรคฝ่ายค้าน ยังตั้งข้อสังเกตการใช้งบประมาณของกองทัพ ขอยืนยันว่ากองทัพได้ปรับลดงบประมาณไปแล้ว แต่บางอย่างเป็นงบผูกพัน ซึ่งบางครั้งคนที่ไม่เข้าใจจะชี้แจงอย่างไรก็ไม่เข้าใจ แต่ยืนยันโดยส่วนตัวไม่ยุ่งกับการเมือง และก็มีหน้าที่ชี้แจงประเด็นปัญหา ซึ่งแต่ละฝ่ายก็มีหน้าที่ของตัวเอง และเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่จะต้องมาคานอำนาจตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่ขออย่ามีฝ่ายแค้น 
ผบ.ทบ. กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในอนาคต ที่ ผบ.ทบ.คนใหม่ จะต้องรับมือ ว่า คงไม่สามารถไปตอบแทนได้ ต้องไปรอวันที่ 1 ต.ค.นี้ เพราะว่ายังไม่เห็นถึงความวุ่นวาย และมั่นใจว่านายกฯ บริหารราชการแผ่นดินด้วยความโปร่งใส มีความเด็ดขาด ซึ่งเห็นได้จากการแก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่งทั่วโลกชื่นชมทีมแพทย์และความมีวินัยของคนไทย แตกต่างจากประเทศอื่น ดังนั้น จึงไม่สามารถคาดการณ์อนาคตได้ ต้องประเมินสถาการณ์แบบวันต่อวัน เดือนต่อเดือน และขอย้ำว่าเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ หมดบทบาทเเล้วก็จะ Set Zero ตัวเอง 
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า หากสถานการณ์หลังจากนี้นายกฯ ให้มาช่วยงานทางการเมือง จะพิจารณาอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า นายกฯ คงไม่ทำแบบนั้น และตนคงไม่เข้ามามีบทบาทอะไร เพราะปัจจุบันนายกฯ มาจากการเลือกตั้ง หากจะแต่งตั้งใคร คนๆนั้น คงไม่ใช่ตน

logoline