svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"ไข้เลือดออก" นักฆ่าในหน้าฝน ภัยอันตรายที่ต้องระวัง!

01 พฤษภาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ไข้เลือดออก" เป็นโรคที่ไม่ควนมองข้าม โรคนี้เป็นโรคติดต่อโดยมีสาเหตุมาจากยุงลาย Aedes Aegypti ที่มักเกิดในช่วงฤดูฝน โดยวิธีป้องกันเพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิหมอชาวบ้าน ได้เผยข้อมูลแบบย่อเพื่อความรู้ไว้ดังนี้....

โรคไข้เลือดออกเกิดจากการติด "เชื้อไวรัสเดงกี" ซึ่งมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์ 1, 2, 3 และ 4 การระบาดมักเกิดในช่วงฤดูฝน โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งในอดีตจะพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมากในวัยเด็ก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มอายุผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้เลือดออกได้ขยายไปยังกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่วัยทำงานมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันตัวเลขของผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ

"ไข้เลือดออก" นักฆ่าในหน้าฝน ภัยอันตรายที่ต้องระวัง!


อาการและความรุนแรงของโรคไข้เลือดออกที่เกิดขึ้นในวัยเด็กและผู้ใหญ่นั้นไม่ต่างกันมาก เนื่องจากอายุไม่ได้เป็นตัวชี้ชัดแน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความรุนแรงที่ต่างกันของแต่ละสายพันธุ์ รวมไปถึงพันธุกรรมของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน แม้จะป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกสายพันธุ์เดียวกันก็มีอาการความรุนแรงไม่เท่ากัน โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่เป็นไข้เลือดออกจะมาด้วยอาการเบื้องต้นที่เหมือนกัน ดังนี้

  • มีไข้สูงเฉียบพลันเกิน 38 องศาเซลเซียส ปวดเมื่อยตามตัว บางรายปวดไปถึงกระดูก คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร มีเลือดออกที่ผิวหนัง เป็นจุดเลือดเล็กๆ กระจายอยู่ตามแขน ขา ลำตัว รักแร้ มีเลือดกำเดา หรือเลือดออกตามไรฟัน เกล็ดเลือดต่ำ อุจจาระเป็นเลือด
  • ทั้งนี้ ไข้เลือดออกสามารถแบ่งได้ 3 ระยะด้วยกันคือ ระยะไข้สูง เป็นช่วงที่ไม่อันตรายเท่าไร แต่อาจทำให้ผู้ป่วยอ่อนเพลีย หมดแรง อาเจียน รับประทานอาหารได้น้อย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เมื่อผ่านระยะไข้สูงแล้วจะเข้าสู่ระยะฟื้นตัว ที่ร่างกายจะค่อยๆ แข็งแรงขึ้นจนกลับมาสู่ภาวะปกติ แต่จะมีผู้ป่วยส่วนน้อยที่เข้าสู่ระยะวิกฤติ ซึ่งเป็นช่วงที่เป็นอันตรายที่สุดโดยเป็นช่วงที่ผู้ป่วยมีไข้สูงและไข้ลดลงแล้วมีอาการช็อกตามมา
    สำหรับวิธีการรักษานั้น หากผู้ป่วยที่เพิ่งมีไข้ แนะนำให้พักผ่อนมากๆ ดื่มน้ำ รับประทานอาหารอ่อนๆ สามารถรับประทานยาพาราเซตามอลได้ ไม่ควรรับประทานยาไอบูโพรเฟน หรือแอสไพริน หากผู้ป่วยมีไข้ได้ประมาณ 3-4 วันแล้วไม่ลด แพทย์จะทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคไข้เลือดออกหรือไม่
    หากเจาะเลือดแล้วพบว่าเกล็ดเลือดต่ำ แพทย์จะแนะนำให้นอนโรงพยาบาลเพื่อรับน้ำเลือดและติดตามสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิด เพราะผู้ป่วยอาจเข้าสู่ระยะวิกฤติได้ ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสเดงกีโดยเฉพาะ
    ส่วนปัญหาที่ว่าคนเคยเป็นแล้วจะเป็นโรคดังกล่าวนี้อีกหรือไม่ โรคไข้เลือดออกมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ เพราะฉะนั้นคนหนึ่งคนสามารถเป็นไข้เลือดออกได้ถึง 4 ครั้ง เช่น หากเคยเป็นไข้เลือดออกสายพันธุ์ที่ 1 แล้วหาย ร่างกายจะมีภูมิต้านทานไข้เลือดออกสายพันธุ์ที่ 1 ซึ่งจะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก แต่ก็มีโอกาสที่จะเป็นไข้เลือดออกสายพันธุ์อื่นๆ ที่เหลือได้
    ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เป็นโรคไข้เลือดออกครั้งแรกนั้น อาการจะไม่รุนแรงมาก แต่หากได้รับการติดเชื้อเป็นครั้งที่ 2 อาการของผู้ป่วยบางรายจะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แต่ก็พบได้กับคนส่วนน้อยเท่านั้น


    และ 5 วิธีการปราบยุงลายป้องกันโรคไข้เลือดออก

  • ป1 ปิด ภาชนะเก็บกักน้ำให้มิดชิด
  • ป2 เปลี่ยน น้ำในภาชนะต่าง ๆ ทุก 7 วัน เพื่อตัดวงจรลูกน้ำ
  • ป3 ปล่อย ปลากินลูกน้ำในภาชนะใส่น้ำถาวร เช่น อ่างบัว
  • ป4 ปรับปรุง สิ่งแวดล้อมให้โปร่งลมพัดผ่านได้ไม่ให้ยุงมาเกาะพัก
  • ป5 ปฏิบัติ ตามทั้ง 4ป ข้างตนเป็นประจำจนเป็นนิสัย
  • logoline