svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

แฉ กยศ.สูญค่าทนายหมื่นล้านฟ้องลูกหนี้

07 กรกฎาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เลขาธิการพรรคประชาชาติ เปิดตัวเลขเม็ดเงินค่าจ้างทนายและค่าบริหารจัดการคดีของ กยศ. เพื่อฟ้องเรียกหนี้คืน แฉได้ไม่คุ้มเสีย เหตุสูญร่วมหมื่นล้าน แต่เรียกหนี้กลับมาได้แค่หลักร้อยล้าน เผยกฎหมายใหม่ยิ่งเอาเปรียบลูกหนี้ ใช้หลักคิดแบบเอกชน ไม่ใช่กองทุนเพื่อการศึกษา ทั้งๆ ที่เงินให้กู้มาจากภาษีประชาชน

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์เนชั่นทีวี และโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อเร็วๆ นี้ หลังมีดราม่า กยศ. หรือ กองทุนเงินให้ยืมเพื่อการศึกษา ฟ้องยึดบ้านทรงไทยของลูกหนี้ที่จังหวัดแพร่ เพื่อเอามาชำระหนี้แค่หลักหมื่นบาท
พ.ต.อ.ทวี บอกว่า พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2541 ถูกแก้ไขใหม่ในปี 2560 เปลี่ยนแปลงหลักคิดและปรัชญาการให้กู้เพื่อการศึกษา เป็นการให้กู้เพื่อมุ่งผลเชิงพาณิชย์และธุรกิจมากขึ้น อาทิ การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจากร้อยละ 1 เป็นร้อยละ 7.5 การให้อำนาจนายจ้างดำเนินการหักเงินเดือนจากลูกจ้างที่เป็นหนี้กยศ.ได้เมื่อกองทุนได้แจ้งไป และให้อำนาจ กยศ. เข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของลูกหนี้ได้ นอกจากนั้นยังให้กองทุน กยศ. มี "บุริมสิทธิ์" คือ หลังจากหักไปจ่ายกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และประกันสังคมแล้ว ต้องจ่ายหนี้ กยศ.ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น เป็นต้น
เลขาธิการพรรคประชาชาติ ยังให้ข้อมูลอีกงว่า ผู้ที่กู้เงินจาก กยศ. จะมีระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปี โดยนับจากปีที่จบการศึกษาหรือเลิกศึกษา และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาปลอดหนี้แล้ว ผู้กู้ต้องผ่อนชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 15 ปี โดยต้องชำระหนี้ภายในวันที่ 5 กรกฎาคมของทุกปี ปัจจุบันนี้มีผู้กู้ที่ถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ถึงปี 2562 จำนวน 1.5 ล้านราย ทำให้ กองทุน กยศ ต้องใช้จ่ายเงินกองทุนสำหรับว่าจ้างสำนักทนายความฟ้อง และบังคับคดีกับผู้กู้ กยศ แยกเป็น
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี คดีละ 5,500 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 8,250 ล้านบาท- ค่าบริหารจัดการคดีละประมาณ 1,200 บาท รวมเป็นจำนวนเงิน 1,800 ล้านบาท

แฉ กยศ.สูญค่าทนายหมื่นล้านฟ้องลูกหนี้

นอกจากนี้ยังมีลูกหนี้อยู่ในชั้นบังคับคดี (คดีฟ้องร้องถึงที่สุดแล้ว) จำนวน 226,310 ราย โดยในชั้นบังคับคดีนี้มีค่าใช้จ่ายประมาณคดีละ 8,750 บาท รวมเป็นจำนวนเงินประมาณ 1,980 ล้านบาท แต่กลับพบว่าได้มีการยึด-อายัดทรัพย์แล้ว จำนวนเพียง 59,642 คดี รวมเงินต้นประมาณ 6,815 ล้านบาทเศษ แต่กรมบังคับคดีได้ยึดทรัพย์และมีทรัพย์ขายทอดตลาดจริงเพียง 2,657 คดี คิดเป็นจำนวนเงินที่ได้คืนมาเพียง 218 ล้านบาทเท่านั้น เสียทั้งเวลา เสียค่าใช้จ่ายมากมายขนาดนี้ แต่กลับได้เงินคืนมาเพียงเท่านี้ ถือว่า "ได้ไม่คุ้มเสีย"
ซ้ำร้ายมหันตภัยยังเกิดกับผู้กู้ยืมเงิน กยศ. ที่แพ้คดีแพ่ง นั่นก็คือการ "ถูกบังคับคดี ขายทอดตลาด ยึด-อายัดทรัพย์" ในกรณีลูกหนี้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกันแต่ไม่พอชำระหนี้ เจ้าหนี้ก็สามารถยึดทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ได้อีก โดยเจ้าหนี้อาศัยเจ้าพนักงานบังคับคดีในการยึดทรัพย์สินที่ส่วนใหญ่เป็นที่ดิน หรือบ้าน บ่อยครั้งทรัพย์สินเหล่านี้มีมูลค่าเกินกว่าจำนวนหนี้ที่ลูกหนี้ติดอยู่มาก โดยเจ้าหนี้มักจะอ้างว่าลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สิน จึงจำเป็นต้องยึดบ้านยึดที่ดิน ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ไม่อาจห้ามการยึดได้
การที่กองทุน กยศ. ได้จ่ายค่าจ้างสำนักทนายความในการติดตามทวงหนี้ ฟ้องคดี บังคับคดีและบริหารจัดการที่ใช้เงินกองทุนจำนวนมาก ทำให้ภกองทุน กยศ. ทำตัวเหมือนการทำธุรกิจที่ต้องการประโยชน์หรือมุ่งเน้นการสร้างกำไรจากการประกอบการ ทั้งที่เป็นเงินในกองทุน กยศ.มาจากภาษีอากรของประชาชน การที่นักเรียน นักศึกษากู้เงิน กยศ. เพื่อไปใช้การศึกษาจึงควรจัดเป็นสิทธิและสวัสดิการของบุคคลทุกคน

แฉ กยศ.สูญค่าทนายหมื่นล้านฟ้องลูกหนี้

การที่กองทุน กยศ ไปจ้างสำนักทนายความฟ้องและบังคับคดีกับผู้กู้ เป็นการแสดงถึงความไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้เสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น ทั้งๆ ที่กองทุน กยศ.สามารถเลือกใช้วิธีอื่นที่ประหยัดเงินมากกว่า เช่น การขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการให้ ซึ่งสามารถกระทำได้ตามพระราชบัญญัติองค์กรอัยการ พ.ศ.2553 มาตรา 14 (5) วิธีการนี้จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างทนายความให้ดำเนินคดีได้นับพันล้านบาท
พ.ต.อ.ทวี บอกทิ้งท้ายว่า จากวิกฤติโควิด-19 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ได้ออกรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่งปี 2563 ระบุอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.03 มีผู้ว่างงานเกือบ 4 แสนคน และคาดว่าในปีนี้มีแรงงานที่เสี่ยงถูกเลิกจ้าง 8.4 ล้านคน ขณะที่เด็กจบใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน 5.2 แสนคนอาจไม่มีงานทำ ปรากฏการณ์นี้ย่อมส่งผลต่อนักเรียน นักศึกษาที่กู้ยืมเงิน กยศ.ที่จบใหม่และหางานทำไม่ได้ จะได้รับความเดือดร้อนมากยิ่งขึ้นเป็นแน่

logoline