"ต๋อย" เล่าภรรยาผมเป็น มะเร็ง!

"ผมเป็นคนที่มีความส่วนตัวสูงมากชีวิตผมกับเขาแทบจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ไม่ตรงกันสักอย่างเลย ถ้าผมพูดว่า นี่นกเขาจะบอกว่า ไม้ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือความเป็นส่วนตัวสูงทั้งคู่ อันนั้นอันหนึ่ง และอีกอันคือ ผมเป็นคนนอนยากมาก ผมนอนคืนหนึ่ง 4 ชั่วโมงอย่างเก่ง แล้วผมนอนตื่นทุกชั่วโมง ทุกๆหนึ่งชั่วโมงผมจะตื่น คือตื่นแบบนี้ตลอด พอตื่นมาเข้าห้องน้ำอะไรเรียบร้อย 10นาทีก็จะหลับต่อ ผมไม่ได้มองว่าเป็นความทรมานนะ มองว่าเป็นชีวิต ใน 1 อาทิตย์ เราจะตื่นแบบนี้ 3-4 วันติดๆ กัน"

พร้อมกันนี้ ต๋อย ไตรภพ ยังเล่าถึงวินาทีที่ "แตง" ภรรยา เดินมาบอกว่า เป็นมะเร็ง ด้วยว่า 

"วันนั้นตอนเรากลับถึงบ้าน เขาเดินมาบอกเราว่า แตง เป็นมะเร็ง ผมก็บอกว่าเป็นตรงไหน เขาบอกว่าเป็นตรงนี้ๆ ขั้นที่เท่านี้ๆ รักษาได้ไหม เขาบอกเราว่า ได้ เธอมีหมอเก่งไหม ผมถามเขานะ เขาบอกว่า มี บอกว่าไม่ต้องหมอเขาเก่ง ก็ทำตามนั้น ก็จบด้วยคำว่ามีอะไรอีกไหม เขาก็บอกไม่มีอะไรละ ก็หมด ไม่มีอะไรละ เราก็คุยกันแค่นี้"

ทั้งนี้ ที่ไม่ได้รู้สึกช็อกเหมือนคนอื่นๆ ต๋อย บอกว่า ก็มันเป็นเช่นนั้นเอง มันไม่ได้เป็นจากเขาหรือจากเรา ไม่ได้เป็นเพราะใคร แต่เป็นจากธรรมชาติ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ มนุษย์ต้องเข้าใจธรรมชาติมนุษย์ต้องเข้าใจเรื่องนี้ มันเกิดได้ มนุษย์ต้องเข้าใจว่ามนุษย์ต้องตายได้ ต้องป่วย ต้องเจ็บ

กระทั่งมาถึงวันที่พ่อแม่ ต้องบอกกับลูกว่า แม่เป็นมะเร็ง ภาพแรกที่เห็นหน้าลูกๆ ต๋อยบอกว่า เหมือนกับในหนังเลย

"จำได้เลย ลูกชายกำมือแล้วเขาก็ทุบโต๊ะ แล้วเขาก็เอาหน้าล้มลงไปที่โต๊ะ แล้วลูกสาวก็ร้องไห้เหมือนในหนังเลย ประมาณสัก 10-15 วิ แล้วลูกสาวก็หยุด ตาลก็หยุด ไม่เอา ไม่ร้องละ ไม่ใช่เวลาที่จะร้องไห้ แล้วก็เริ่มถาม แล้วแม่จะทำยังไง ตูนก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วสูดหายใจ ทำอย่างไรครับ แล้วคุยกันเลยปกติแบบนี้ครับ เข้มแข็งทั้งบ้าน"

เรียกว่า บ้านนี้มีทั้งความเข้าใจ และมีความเข้มแข็งมากจริงๆ  โดยตลอดเวลาที่ภรรยาป่วย 2-3 ปี แต่ต๋อยไปหาหมอเป็นเพื่อนแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และภรรยาก็ไม่ได้ร้องขออะไรเลย 

"ภรรยาผม ผมไม่เหลือสักเส้นบนหัว แล้วก็ต้องมาซื้อวิกใส่ มีโพกหัวสวยๆใส่ เป็นปีเลยนะครับ เขาบอกไหวๆ เขาเก่งจริงๆ เราถามว่ากลัวตายไหม กลัว แต่มันต้องตาย แล้วมันมีเรื่องตลกกว่านั้นคือ เขารู้ว่าเป็นมะเร็งแล้วเขาต้องรักษาตัว วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ผ่าตัด เขาบอกหมอว่าไม่ หมอบอกว่าทำไม เลื่อนไปก่อนขอไปเที่ยวญี่ปุ่นก่อน เขาก็มาบอกเรา เราก็บอกว่าทำไมไม่รักษาก่อน เขาบอกว่าเกิดรักษาแล้วไม่หาย เกิดรักษาแล้วใช้เวลานานล่ะ ไปก่อนดีกว่า แล้วเก็บความทรงจำดีๆไว้ ผมว่าเขาเข้มแข็งมาก"

นอกเหนือจากบอกเล่าถึงความเข้มแข็งของภรรยาแล้ว ต๋อย ยังบอกความรู้สึกที่มีต่อลูกๆ ที่กลัวว่าคนรอบข้างจะทำให้ลูกไม่ได้เติบโตอย่างที่ควรจะเป็น โดยมักจะบอกกับลูกเสมอว่า ไม่ต้องเก่งเหมือนพ่อก็ได้ ไม่อยากให้ลูกได้รับแรงกดดัน

"ทุกครั้งที่ผมได้ยินคนพูด ผมจะเรียกลูกมากอดแล้วกระซิบบอกลูกว่า อย่าเก่งเหมือนพ่อนะ อย่าเก่งเหมือนพ่อเด็ดขาด จงเก่ง อย่างที่ลูกอยากเก่ง จงเป็นอย่างที่ลูกอยากเป็น แต่ไม่ต้องเป็นเหมือนพ่อ นั่นคือ เหตุผลที่คนถึงถามว่าทำไมไม่เคยผลักดันให้ลูกเข้าวงการนี้ ก็ผมสอนลูกแบบนี้ แล้วผมจะดันลูกเข้าวงการนี้ได้อย่างไร"

ไตรภพ บอกว่าลูกชายคือความภูมิใจ ส่วนลูกสาวคือความรัก และไม่ได้สอนลูกให้เข้มแข็งกับโลก แต่สอนลูกให้เข้มแข็งกับธรรมมากกว่า

นับเป็นครอบครัวที่พูดตรงไปตรงมา และเข้มแข็งมาก ที่สำคัญเป็นบ้านที่เปี่ยมไปด้วยความรักและอบอุ่นที่สุด