ผู้นำบราซิล ค้าน ก.ม.บังคับเว้นระยะห่างแก้โควิด-19
สถานการณ์เกี่ยวกับการแพร่ระบาด และการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ระดับนานาประเทศนั้น ล่าผู้นำบราซิล ออกมาค้านกฎหมายบังคับเว้นระยะห่างแก้โควิด-19 โดยชี้แจงว่าทำลายเศรษฐกิจ ในขณะที่ยอดติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 11.1ล้านคน
สำหรับยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 4 กรกฎาคม 2563 ณ เวลา 07.00 น. ตามเวลาประเทศไทย พบยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลก 11,180,053 ราย เสียชีวิตแล้ว 528,376 ราย
เรียงตามลำดับดังนี้..1. สหรัฐฯ ติดเชื้อ 2,890,406 ราย เสียชีวิต 132,101 ราย
2. บราซิล ติดเชื้อ 1,543,341 ราย เสียชีวิต 63,254 ราย
3. รัสเซีย ติดเชื้อ 667,883 ราย เสียชีวิต 9,859 ราย
4. อินเดีย ติดเชื้อ 649,889 ราย เสียชีวิต 18,669 ราย
5. สเปน ติดเชื้อ 297,625 ราย เสียชีวิต 28,385 ราย
6. เปรู ติดเชื้อ 295,599 ราย เสียชีวิต 10,226 ราย
7. ชิลี ติดเชื้อ 288,089 ราย เสียชีวิต 6,051 ราย
8. อังกฤษ ติดเชื้อ 284,276 ราย เสียชีวิต 44,131 ราย
9. อิตาลี ติดเชื้อ 241,184 ราย เสียชีวิต 34,833 ราย
10. เม็กซิโก ติดเชื้อ 238,511 ราย เสียชีวิต 29,189 ราย
-----------------------------------------ไทย ติดเชื้อ 3,180 ราย เสียชีวิต 58 ราย
หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะในบราซิล ล่าสุดสื่อต่างประเทศรายงานความเคลื่อนไหวว่า ทางด้านประธานาธิบดี ชาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำบราซิล ได้ผ่านกฎหมายบังคับประชาชนใส่หน้ากากอนามัยป้องกันโควิด-19 แล้ว
แต่ทว่าตัวเขาได้ใช้สิทธิ์ วีโต้ หรือ ปฏิเสธ ข้อกฎหมายบางข้อที่ระบุให้ใส่หน้ากากในที่ที่คนรวมตัวมากๆ เช่น ร้านค้า, ศาสนสถาน และโรงเรียนโดยผู้นำบราซิลไม่ให้ความสำคัญของมาตรการเว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 มาตลอด เขาเคยระบุว่าการเว้นระยะห่างและการกักตัว จะเป็นตัวทำลายเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนั้นเขายังบอกว่าการบังคับสวมหน้ากากเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชน และประชาชนอาจถูกปรับ เพียงเพราะไม่สวมหน้ากาก นอกจากนั้นแล้ว ผู้นำบราซิล ยังคัดค้านที่จะให้ทางการท้องถิ่น แจกหน้ากากให้คนยากจน และให้บริษัทต่างๆ จัดหาหน้ากากให้ลูกจ้างโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายด้วย
ขอบคุณข้อมูล : สถาพร เกื้อสกุล