เริ่มกันที่ข่าวการเปิดเทอมวันแรกของน้องนักเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร การจราจรเริ่มกลับมาติดขัดอีกครั้ง ฝนฟ้าก็ดันมาตกในวันแรกพอดิบพอดี โดยทางตำรวจนครบาลได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ถึง 3,000 นาย ลงถนนจัดระเบียบการจราจร โดยมี พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อย
แม้ว่ามาตราการป้องกันไวรัสโควิด-19 แต่ล่ะโรงเรียน จะมีการแบ่งเรียนเป็น 2 ชุด คือสลับกันมาเรียนปริมาณรถของผู้ปกครองหรือรถสาธารณะรับส่งนักเรียนถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นในอย่างสาทร มีปริมาณรถมาก
เราจะเห็นได้ว่า หลังจากมีมาตราการผ่อนปรนต่างๆหลายกิจกรรม เช่น ร้านอาหาร ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด และร้านเกมออนไลน์กลับมาเปิดกันอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง ทำให้คนใช้ชีวิตกลางคืนเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งแต่งแต้มสีสันให้กรุงเทพฯ กลับมามีสีสันเหมือนเดิม แต่ทุกสถานบริการต้องทำตามกรอบที่ สบค.กำหนดนอกจากนี้ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ยังได้เรียกผู้ประกอบการกว่า 200 แห่ง เข้าฟังข้อชี้แนะในการกลับมาเปิด
โดยตำรวจได้เน้น 3 - 4 ประเด็น คือให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค,ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการต้องมีความเข้าใจและปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดไม่ปล่อยปละละเลย ส่วนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและตำรวจ ก็ต้องออกตรวจตราสถานประกอบการหากไม่ปฏิบัติตามก็จะมีการตักเตือนก่อน หรือหากพบว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมาย ก็จะมีคำสั่งให้หยุดชั่วคราว เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขหากไม่มีการแก้ไข ก็จะนำเรื่องส่งคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อประจำจังหวัด พิจารณาปิดสถานบริการต่อไป
ซึ่งผลปรากฏว่าหลังจากคืนวันที่ 1 ก.ค.ทางตำรวจได้มีการสรุปผลการออกตรวจสอบสถานบริการพบว่าเป็นที่น่าพอใจมีบางอย่างที่ต้องปรับปรุง เช่น เรื่องการเว้นระยะห่าง
ทั้งนี้ผลสรุปเป็นที่น่าพอใจ เมื่อตำรวจจับกุมกลุ่มเด็กแว้นแข่งรถได้ 109 ราย โดยหนึ่งในจำนวนนี้คือ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญ หรือ "เบนซ์ เรซซิ่ง" ที่ถูกจับกุมพร้อมกับเพื่อนรวม 8 คน หลังออกมารวมกลุ่มกันขับรถบนถนนวิภาวดีรังสิต
นอกจากนี้ยังยึดรถจักรยานยนต์ได้ 11,743 คัน และรถยนต์อีก 208 คัน, จับกุมร้านดัดแปลงอุปกรณ์แต่งรถได้ 3,088 ราย, จับกุมแอดมินเพจและยูทูปเบอร์ที่ชักชวนให้มีการแข่งรถ 93 ราย เช่น แอดมินเพจใบระหัดเรซซิ่ง เพจรถซิ่งรามอินทรา และเพจทีเด็ดสิงห์บุรี โดยแอดมินเพจแต่ละคน ถูกศาลตัดสินลงโทษแตกต่างกันไป ตั้งแต่ปรับเป็นเงิน 1,000 - 20,000 บาท ไปจนถึงจำคุก 15 วัน โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 1-2 ปี
อย่างไรก็ดีตำรวจฝากบอกว่า สำหรับประชาชนที่ต้องการแจ้งเบาะแสกลุ่มเด็กแว้น สามารถถ่ายคลิปวิดีโอ ส่งหลักฐานเพื่อแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ทราบผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. และสายด่วน 191 และ 1599 ได้ทันที โดยระหว่างวันที่ 3 กันยายน 2562 ถึง 30 มิถุนายน 2563มีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสกว่า 6,093 ราย ประสงค์ขอรับเงินรางวัล 19 ราย ซึ่งได้รับเงินรางวัลไปรวม 57,000 บาท
หวังว่าอะไรจะดีขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตของประชาชน หลังผ่านพ้นช่วงวิกฤตโควิด-19 เชื่อว่าคนไทยจะรวมใจจับมือกัน ก้าวข้ามปัญหาต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี
หันมาดูข่าวแนวสืบสวนสอบสวน ตามหาความจริงกันบ้าง อย่าง กรณี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ ผู้ต้องหาที่ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในคดีร่วมกันอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ และยังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเกี่ยวกับการโอนหุ้น ได้วางแผนแหกคุก โดยให้เพื่อนร่วมเรือนจำ เป็นผู้ช่วยในการแหกคุก แต่สุดท้ายแผนกลับแตกก่อน ถูกตำรวจกองปราบปรามแฉแผนการอันน่าทึ่ง คดีนี้เริ่มจากตำรวจกองปราบได้จับตัว 2 ผู้ต้องหาที่เคยอยู่เรือนจำเดียว สอบปากคำไปมา สารภาพ พ.ต.ท.บรรยิน ช่วยเหลือในเรื่องการประกันตัวออกมา แต่มีข้อตกลงว่าจะต้องช่วยเรื่องแหกคุก ใน 2 ข้อ ประกอบด้วยวางแผนแหกคุกชิงตัวออกมาให้ได้ แต่หากไม่สำเร็จให้จับกุมตัวภรรยาของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในเรือนจำ เพื่อเป็นการต่อรอง
โดยในแผนวางไว้ว่า จะมีการวางระเบิดข้างเรือนจำพิเศษ ล้มเสาธงชาติกลางลานสนามหญ้า เพื่อใช้ปีนหนี เมื่อออกมาได้จะมีเฮลิคอปเตอร์มารับตัวอีกที ซึ่งเป็นคำให้การของหนึ่งในสองของผู้ต้องหา ที่ได้ประกันตัวออกมา ด้วยความช่วยเหลือของ พ.ต.ท.บรรยิน แม้ว่าแผนนี้จะออกแนวเวอร์วังอลังการไปบ้าง แต่ปรากฏว่าทีมสืบสวนของกองปราบ ได้เริ่มสอบสวนคดีนี้จนมีเค้าโครงความจริงอยู่มาก เนื่องจากได้เรียกพยานสำคัญ 3 ปาก ประกอบด้วย ลูกชาย พ.ต.ท.บรรยิน, ทนายความ, อดีต ส.ส.จังหวัดนครสวรรค์ คนสนิท มาสอบปากคำ นอกจากนี้กองปราบยังได้ส่งทีมไปสอบพยานแวดล้อมในเรือนจำอีกด้วย
จากการสอบสวนคดีมีความคืบหน้า ตำรวจได้ข้อมูลมากพอที่จะสรุปสำนวนคดีในสัปดาห์หน้านี้ ว่าสุดท้ายจะแจ้งข้อหา พ.ต.ท.บรรยิน ได้หรือไม่ หรือจะมีใครถูกร่างแหนี้ไปด้วย แต่ที่แน่ๆ พ.ต.ท.บรรยิน ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำบางขวาง หลังถูกย้ายมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มีรายงานข่าวด้วยว่าเขาได้พยายามผูกคอตัวเอง เนื่องจากเกิดความเครียดเรื่องแผนแหกคุกถูกเปิดโปง คดีนี้ยังคงมีความน่าสนใจ ในบทสรุปสุดท้ายของเรื่องแผนแหกคุกนี้ ต้องติดตามต่อในสัปดาห์หน้านี้
จากการตรวจสอบพบ 195 แผง ได้รับความเสียหาย คิดเป็นภาพรวมเสียหายราว 10% ของตลาด แต่ยังโชคดีไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ โดยร้านที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เห็นจะเป็นร้านทองที่ถูกไฟเผาเสียหายหนัก
ทางจ้าของร้านทอง "ทองดี" ที่ถูกไฟไหม้ บอกว่า ทองที่ถูกเผามีมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ส่วนทองที่เก็บไว้ในตู้เซฟนั้นมีประมาณ 20 - 30 กิโลกรัม มูลค่าหลายสิบล้านบาท ยังต้องลุ้นว่าความร้อนของไฟ จะทำลายทองที่อยู่ภายในตู้หรือไม่ ส่วนการตรวจสอบของพิสูจน์หลักฐานมีรายงานว่า ต้นเพลิงเกิดจากร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ ทั้งนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายส่วน ได้ลงมาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ ที่มีประมาณ 200 - 300 คนแล้ว
นี้เป็นเพียง 5 ข่าวเด่น ในรอบสัปดาห์เท่านั้น ยังเหลืออีก 5 ข่าว ติดตามอ่านต่อได้ในวันพรุ่งนี้ครับ