svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ลีน่าจัง พลิกลิ้น! ชมเปาะ ตร.วางตัวดี รักเหมือนลูกหลาน

03 กรกฎาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หนังคนละม้วน ลีน่าจัง กลับใจชมเชยตำรวจ ทำหน้าที่ด้วยความใจเย็น หลังไลฟ์ด่ากราด ไม่พอใจที่ถูกตำรวจล็อคล้อเมื่อช่วง 2 ทุ่มคืนที่ผ่านมา จนมีการแชร์กันสนั่นโซเชียลมีเดีย แต่สุดท้าย พลิกลิ้น ยอมรับทำผิดจริง แต่ที่ต้องไล่ให้ไปจับคนอื่นด้วยเพราะต้องการความเท่าเทียมกัน ส่วนการใช้คำสรรพานามพ่อขุนราม ไม่ใช่คำหยาบ เพราะเป็นคำพูดสมัยโบราณที่ใช้กันมายาวนาน

จากกรณีมีการแชร์ไลฟ์ของ นางลีน่า จังจรรจา ที่ด่าทอตำรวจ จราจร สน.ปทุมวัน เนื่องจากไม่พอใจที่ถูกล็อคล้อ และไม่ยอมยืนรอเพื่อให้ชำระค่าปรับ จนบานปลายไปถึงการไล่ให้ตำรวจจราจรคนดังกล่าวไปตามจับรถยนต์คันอื่นๆ ที่มาจอดอยู่ระแหวกใกล้เคียงด้วย เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลา 2 ทุ่ม ของคืนวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา บนถ.จุฬา ซอย 5 ใกล้เคียงกับสน.ปทุมวัน
ทีมข่าวเนชั่น ทีวี ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าบริเวณจุดเกิดเหตุและโดยรอบ มีป้ายตั้งห้ามจอดทั้งของ สน.ปทุมวัน และของจุฬาลงกรณ์ฯ ในฐานะเป็นเจ้าของสถานที่ ซึ่งเมื่อได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย(รปภ.) ซึ่งประจำการอยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ เล่าว่า บริเวณพื้นที่รอบบริเวณนี้ ทางจุฬาลงกรณ์ฯได้มอบให้ทางตำรวจ สน.ปทุมวัน ดูแล ส่วนบริเวณทางเท้าทั้งหมดเป็นหน้าที่ของ ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของจุฬาลงกรณ์ฯ ซึ่งในส่วนของถนนโดยปกติไม่อนุญาตให้รถจอดอยู่แล้ว เพราะจะกีดขวางการจราจร 
แต่ก็ยังมีคนมักมาจอดขวาง ซึ่งทางฝ่ายรักษาความปลอดภัยทำได้แค่เข้าไปประชาสัมพันธ์ แต่อำนาจในการบังคับห้ามล้อ หรือดำเนินเปรียบเทียบปรับ ต้องเป็นของตำรวจ สน.ปทุมวัน 
นางลีน่า จังจรรจา ระบุว่า เมื่อคืนตอนเกิดเหตุ ตนเองแค่ไปรับประทานอาหารแค่ 15 นาที แต่เมื่อออกมาพบว่ารถถูกล็อค ซึ่งได้พยายามติดต่อตามเบอร์โทรที่ระบุไว้ในใบสั่ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ให้คนขับรถเดินไปเสียค่าปรับ ที่สน.ปทุมวัน โดยเมื่อกลับมา ที่รถก็มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว กำลังจะมาปลดล็อคล้อรถยนต์ให้ 

ตนจึงเดินเข้าไปถามว่า "ทำไมไม่จับคันอื่นด้วย" แต่ขณะที่กำลังคุยกับตำรวจได้มีกลุ่มการ์ดของพื้นที่ กว่า 6 คน และวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เข้ามารุมล้อมตนไว้และกล่าวหาว่าตนเองพูดจาเสียงดัง โวยวาย ด้วยความกลัวจึงแสดงตัวว่าตนเองคือลีน่าจัง เป็นทนายความ เพราะกลัวว่าจะโดนทำร้าย และบอกว่าต้องการให้ตำรวจจับทุกคนด้วยความเท่าเทียม ไม่อย่างนั้นจะดำเนินคดี ในฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ 
ขอยืนยันว่าตนเองไม่ได้ผลักตำรวจ เพียงแค่ต้องการดึงขึ้นเพื่อให้ไปจับรถคันอื่นๆ ที่กำลังจะหนี  ไม่ได้ผลักหรือจะทำร้ายตำรวจแต่อย่างใด เพราะคิดกับตำรวจเหมือนลูกเหมือนหลาน ส่วนคำพูดที่ใช้คำ "มึง - กู" ยืนยันว่าไม่ใช่คำหยาบคาย เพราะเป็นภาษาตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหง ส่วนที่จอดรถบริเวณดังกล่าวเพราะตนเองมาเป็นประจำก็เห็นว่า จอดได้ปกติ แต่มาครั้งนี้กลับถูกล็อคล้อ 
ส่วนตัวจะไม่มีการดำเนินคดีในฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามที่แจ้งไว้เมื่อคืนเพราะเห็นว่าตำรวจรายดังกล่าว ปฏิบัติตามหน้าที่ วางตัวได้ดีน่าชมเชย และเห็นว่าเหมือนลูกเหมือนหลาน
ขณะที่ด้านตำรวจ ยังไม่ออกมาแสดงความเห็น มีแต่การให้ข้อมูลจากนายตำรวจระดับสารวัตรจราจร สน.ปทุมวัน ระบุว่า  นายตำรวจรายนี้ เป็นตำรวจที่ขยันปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา อย่างเคร่งครัด เป็นคนใจเย็น ไม่เคยถูกร้องเรียนใดๆ  และพึ่งได้รับรางวัลตำรวจจราจรแก้ไขปัญหาการจราจรดีเด่น จากทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา 

โดยหลังเกิดเรื่องตัวนายตำรวจรายดังกล่าวเครียดพอสมควร แต่ก็ได้กำลังใจและคำชมจากผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าววางตัวได้ดี มีความเป็นตำรวจมืออาชีพ ซึ่งภายหลังได้รับคำชมก็มีท่าทีที่ดีขึ้น และในวันนี้ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติอย่างเช่นทุกวัน
สำหรับการจะมีการดำเนินการแจ้งข้อหาใดๆกลับไปที่นางลีน่า จังหรือไม่ ขอให้เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาในการพิจาณาต่อไป
ด้านนายพัฒนา จาติเกตุ ประธานสหกรณ์ สภาทนายความ อดีตอุปนายกสภาทนายความ รับผิดกิจการพิเศษและ มรรยาททนาย ระบุว่า  
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตัวคุณลีน่า จัง ก่อนหน้านี้เคยมีการเชิญตัวมาพูดคุยเกี่ยวกับการวางตัวต่อสาธารณะชนหลายครั้ง ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเมื่อดูคลิปแล้วก็เห็นว่าเป็นการใช้คำพูดที่หยาบคาย ไม่เหมาะสม และมีการใช้อาชีพทนายความ ในเชิงข่มขู่ ถือว่าไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก เพราะอาจะทำให้สาธารณะ มองอาชีพทนายความในทางที่ไม่ดี โดยต่อจากนี้จะมีการส่งเรื่องให้สำนักงานมรรยาททนายความ เพื่อมห้ออกหนังสือเชิญตัวคุณลีน่า จัง เข้ามาสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง

logoline