ผลวิจัยชี้ โควิด-19 ที่ระบาดในปักกิ่ง เป็นสายพันธุ์จากเอเชีย

ผลการศึกษาที่จัดทำโดยจอร์จ ฮาห์น นักวิจัยที่ร่วมมือกับแผนกชีวสถิติของสถาบันสาธารณสุข "ที เฮช ชาน ฮาร์วาร์ด" (Harvard T.H. Chan School of Public Health) ที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านเดียวกัน แต่ถูกนำออกเผยแพร่โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน ได้ใช้ข้อมูลจากการหาลำดับพันธุกรรมของไวรัส 3 สายพันธุ์ ที่เป็นของผู้ป่วยในปักกิ่ง 2 สายพันธุ์ และผู้ป่วยและกลุ่มอื่น ๆ อีก 1 สายพันธุ์ซึ่งพบว่า ในบรรดาสายพันธุ์ที่พบระบาดในยุโรป แต่เมื่อไม่นานนี้่ มีรายงานการระบาดในเขตร้อนในเอเชีย และการพบเคสใหม่ๆ ในปักกิ่งคือหลักฐานที่สนับสนุนว่าเป็นการติดต่อมาจากเอเชียใต้หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วงระหว่างเดือนเมษายนจนถึงเดือนมิถุนายน
การพบผู้ติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนระลอกใหม่ในปักกิ่ง เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน หลังปลอดผู้ติดเชื้อรายใหม่นานเกือบ 2 เดือน ทำให้รัฐบาลต้องจัดการทดสอบประชาชนทั่วเมืองหลวงแล้วมากกว่า 7 ล้านคน อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยามยามควบคุมการระบาด ที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้ว 326 คน ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับตลาดค้าส่งอาหาร ขณะที่การระบาดครั้งแรกที่อู่ฮั่นเมื่อเดือนธันวาคม ก็มีต้นตอจากตลาดค้าส่งอาหารเช่นกัน
อู๋ ซุนโหยว หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ระบุว่า การพบใหม่นี้ อาจเป็นร่องรอยที่สำคัญที่นำไปสู่ต้นตอการระบาด ที่ทั้งสองเมืองเกี่ยวข้องกับพื้นที่จำหน่ายอาหาร โดยเฉพาะอาหารทะเล ผลการทดสอบทางพันธุกรรมของไวรัสที่ระบาดในปักกิ่ง ยืนยันว่า ไม่ได้มาจากสัตว์ และไม่ได้มาจากสายพันธุ์ที่ระบาดก่อนหน้านี้ ซึ่งตอกย้ำรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สายพันธุ์ของไวรัสที่พบที่ปักกิ่งล่าสุดเป็นสายพันธุ์นำเข้า และไวรัสอาจเข้าสู่ตลาดโดยใครบางคนที่ติดเชื้อหรือไม่ก็จากผลิตภัณฑ์อาหารปนเปื้อนจากต่างประเทศ
ด้านอู๋ กุ้ยเจิน ผู้อำนวยการสถาบันควบคุมและป้องกันโรคที่เกิดจากไวรัสแห่งชาติ ระบุว่า สายพันธุ์ที่พบในปักกิ่งเป็น "ไวรัสกลายพันธุ์ต่างชาติ 2 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์แรกพบในยุโรป ส่วนสายพันธุ์ที่ 2 พบครั้งแรกที่อังกฤษก่อนไประบาดทั่วยุโรปกับสหรัฐฯและทั้งสองสายพันธุ์ได้กลายพันธุ์และถูกตรวจพบที่จีน เมื่อเดือนมีนาคม โดยติดมากับพวกที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ