สหรัฐฯ อ่วม 17 รัฐเบรกคลายล็อคดาวน์

มีอย่างน้อย 17 รัฐในสหรัฐฯ ที่ระงับหรือถอยกลับไปตั้งหลักใหม่ เกี่ยวกับแผนคลายมาตรการล็อคดาวน์ หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทะยานไม่หยุด และในขณะที่วันชาติซึ่งตรงกับวันที่ 4 กรกฎาคม กำลังใกล้เข้ามา เจ้าหน้าที่ได้พยายามที่จะไม่ให้ซ้ำรอยวันรำลึกถึงถึงทหารและผู้เสียสละในสงคราม หรือ  Memorial Day ที่ผู้คนหลายพันแห่กันไปพักผ่อนตามชายหาด บาร์และงานรื่นเริงต่างๆ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้เตือนว่า ฝูงชนเหล่านี้ อาจทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในอนาคต

บาร์ในรัฐเท็กซัสกับอีกหลายเคาน์ตี้ของรัฐแคลิฟอร์เนียถูกสั่งปิด ส่วนชายหาดไมอามี, ฟอร์ต ลอเดอร์เดลและปาล์ม บีช ในรัฐฟลอริดา กลายเป็สถานที่ต้องห้ามสำหรับนักท่องเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์นี้ และยังห้ามบาร์ทุกแห่งในรัฐจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกด้วย และตัวอย่างของความเสี่ยงในการกลับมาเปิดบาร์และร้านอาหารคือการที่มีลูกค้ามากถึง 85 คน ติดเชื้อหลังเข้าไปใช้บริการที่บาร์ในอีสต์ แลนซิ่ง รัฐมิชิแกน เมื่อต้นเดือนนี้ และแม้บางรัฐจะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อต่ำ แต่ก็ต้องกลับไปตั้งหลักใหม่ เช่น รัฐนิวเจอร์ซีย์ที่ตัดสินใจไม่ให้บริการในโซนอินดอร์ ส่วนรัฐนิวยอร์ก แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐฯ บอกว่า จะตัดสินใจอีกครั้งในวันพุธ ว่าจะยอมให้เปิดบริการแบบอินดอร์หรือไม่ 

การเคลื่อนไหวนี้ มีขึ้นหลังจากหลายรัฐยืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ทำลายสถิติในวันเดียว ขณะที่ทั้งประเทศทำสถิติผู้ติดเชื้อสูงสุดในวันเดียว 40,173 คน เมื่อวันศุกร์ และพบว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ในกลุ่มคนที่อายุยังน้อย โดยเฉพาะรัฐเท็กซัส มีรายงานว่า เกือบ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยไอซียูที่โรงพยาบาลในฮุสตัน อายุไม่ถึง 50 ปี และรัฐเท็กซัสกลายเป็นจุดร้อนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้านเคท บราวน์ ผู้ว่าการรัฐโอเรกอน ให้ความเห็นว่า ผู้ป่วยจะล้นโรงพยาบาลทุกแห่งในรัฐ ถ้าไวรัสยังแพร่กระจายไม่หยุดและตอนนี้มีเตียงตามห้องไอซียูเหลือแค่ 200 เตียงเท่านั้น ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือ CDC ได้เผยผลสำรวจที่ระบุว่า ตัวเลขอาจสูงกว่าที่รายงานถึง 24 เท่า