กกท.ปรับ"กีฬาผู้สูงอายุ"จากระดับอินเตอร์เป็นไทยแลนด์โอเพ่น

ที่ห้องประชุม 217 ราชมังคลากีฬาสถาน ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก กรุงเทพฯ ณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ การกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหาร คณะเตรียมการแข่งขันกีฬาผู้สูงอายุ "ไทยแลนด์ โอเพ่น มาสเตอร์เกมส์" โดยมีผู้เข้าร่วม อาทิ วิวัฒน์ วิกรานตโนรส นายกสมาคมกรีฑาผู้สูงอายุไทย ในฐานะเลขาธิการคณะเตรียมการแข่งขันกีฬาผู้สูงอายุฯศุกรีย์ สุภาวรีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย ในฐานะอุปนายกคณะเตรียมการแข่งขันกีฬาผู้สูงอายุฯ

สำหรับการแข่งขันกีฬาผู้สูงอายุในชื่อ "ไทยแลนด์ โอเพ่น มาสเตอร์เกมส์" จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย โดยจะมีขึ้นระหว่าง12-20 ก.ย.ที่กรุงเทพฯ เดิมจะใช้ชื่อการแข่งขันว่า "ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มาสเตอร์ เกมส์ "แต่จากการระบาดของ โควิด 19 ทำให้รูปแบบของการแข่งขัน เปลี่ยนจากอินเตอร์เนชั่นแนล มาเป็นการแข่งขันไทยแลนด์โอเพ่นฯ กล่าวคือจากเดิมที่จะรองรับนักกีฬาผู้สูงอายุชาวไทย และนักกีฬาจากประเทศต่างๆ ที่จะมาร่วมการแข่งขัน

แต่จากปัญหาการเดินทางระหว่างประเทศที่ไม่เอื้อ ทำให้ต้องปรับรูปแบบ เป็นการแข่งขันกีฬาในประเทศ อนุญาตให้นักกีฬาต่างชาติเข้าร่วม เฉพาะในรายที่พำนักอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น แข่งขันกับนักกีฬาไทย สำหรับงบประมาณที่จะใช้รองรับการจัดแข่งขัน วางไว้รวม 15 ล้านบาท จัดการแข่งขันทั้งหมด 14 ชนิดกีฬา ได้แก่ กรีฑา, แบดมินตัน, บาสเกตบอล, เพาะกาย, ลีลาศ, ฟุตบอล, เกทบอล, กอล์ฟ, เปตอง, เซปักตระกร้อ, ว่ายน้ำ, เทเบิลเทนนิส, เทนนิส, วู้ดบอล

ณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการ กกท. เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนกีฬาผู้สูงอายุ ถือเป็นภารกิจของภาครัฐ ที่ส่งเสริมกีฬาทุกกลุ่มสังคม รวมทั้งกลุ่มผู้สูงอายุ และแนวทางของกกท. คือส่งเสริมการจัดแข่งขันกีฬาผู้สูงอายุ จากระดับประเทศไปสู่นานาชาติ นักกีฬาที่เข้าแข่งขันรายการนี้มีฐานะ และมีอายุตั้งแต่ 35 ปี ขึ้นไป ผู้เข้าแข่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง เวลามาแข่งขัน ถือว่าส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ แต่จากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้ในปีแรก ต้องปรับรูปแบบการแข่งขัน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์