นายณัฐพงษ์ เรืองปะญญาวุฒิ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยทีมงานอาสาสมัครพรรคก้าวไกล ส่งต่อน้ำใจ นำอาหาร น้ำดื่ม และขนม รวมกันกว่า 700 ชุด มอบให้กับประชาชน ในเขตชุมชนบ้านขิง ซอยเพชรเกษม69 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนนายณัฐพงษ์ บอกว่า หลายปัญหาที่ได้รับฟังในวันนี้ ทั้งเรื่องถนน ไฟดับ และน้ำท่วมในชุมชน ล้วนมีรากเหง้ามาจากปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งทางด้านอำนาจรัฐ และทางด้านงบประมาณ ที่ประเทศไทยเป็นระบบรัฐราชการรวมศูนย์ โดยเฉพาะในยุคของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ไม่เคยให้ความสำคัญกับท้องถิ่นและการกระจายอำนาจเลยหนึ่งในตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดคือการจัดทำ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2564 ที่เห็นเค้าโครงออกมาแล้วว่าปีนี้ท้องถิ่นน่าจะได้รับเงินอุดหนุนน้อยลงอันเนื่องมาจากประมาณการรายได้สุทธิของรัฐบาลต่ำลง ในขณะที่ยอดรวมงบประมาณรายจ่ายสูงขึ้นจากปี 63 อีก 1 แสนล้านบาท รวมเป็น 3.3 ล้านล้านบาท
นั่นเท่ากับว่าเม็ดเงินส่วนใหญ่ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นเม็ดเงินงบประมาณ หรือเม็ดเงินจาก พ.ร.ก. 1.9 ล้านล้านบาท จะยิ่งกระจุกตัวอยู่กับราชการส่วนกลางมากขึ้น อาจเป็นการตอกย้ำปัญหาความเหลื่อมล้ำของประเทศมากขึ้นไปอีกหากรัฐบาลเลือกใช้เม็ดเงินเหล่านี้ให้ไปตกอยู่ในมือนายทุนแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน"สิ่งที่ยังให้ความหวังกับพวกเราอยู่ก็คือประเทศไทยหลังยุคโควิด ที่เลือกใช้เม็ดเงิน 5.2 ล้านล้านนี้ (3.3 ล้านล้าน + 1.9 ล้านล้าน) อย่างชาญฉลาดเพื่อให้เม็ดเงินตกถึงไม้ถึงมือคนตัวเล็กตัวน้อยมากที่สุด ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมาจากฐานรากอย่างแท้จริง เพราะอย่าลืมว่าวิกฤติในครั้งนี้ต่างจากวิกฤติทางเศรษฐกิจที่ผ่าน ๆ มาอย่างวิกฤติต้มยำกุ้ง นั่นก็คือวิกฤติครั้งนี้ไม่ได้เกิดกับนายทุน แต่หากเกิดกับประชาชนคนรากหญ้าทั่วประเทศนั่นเอง" นายณัฐพงษ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวว่า อีกไม่กี่สัปดาห์นี้จะเข้าสู่วาระการพิจารณา ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 พวกตนจะนำปัญหาที่ได้รับจากการทำหน้าที่นอกสภา ไปสะท้อนต่อในสภาผ่านร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ เพื่อให้เม็ดเงินงบประมาณแผ่นดินตกถึงไม้ถึงมือประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยที่สุดในการก้าวข้ามวิกฤติในครั้งนี้ไปพร้อม ๆ กับการสร้างโอกาสใหม่หลังยุควิกฤติโควิดไปด้วยกัน