สหรัฐฯ ป่วยโควิดทะลุ 2.2 ล้าน!
ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในสหรัฐฯ พุ่งสูงทะลุ 2.2 ล้านคนโดยมีผู้เสียชีวิตกว่า 119,000 คน ขณะเดียวกันยังเกิดจุดเสี่ยงติดเชื้อหลายแห่งเพิ่มขึ้นในหลายรัฐ
รายงานล่าสุด ณ เวลา 01.08 น. ของวันที่ 17 มิ.ย. 63 สหรัฐฯ มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 2,208,238 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตกว่า 119,129 ราย
แอนดรูว์ คัวโม (Andrew Cuomo) ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่ารัฐแห่งนี้ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ ได้ผ่านพ้นสถานการณ์ที่มีอัตราผู้ติดเชื้อเลวร้ายที่สุด จนมาถึงจุดที่ "ดีที่สุด" แล้ว
โดยสถิติ ณ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (14 มิ.ย.) ระบุว่านิวยอร์กมีผู้ป่วยโรคดังกล่าว 1,608 ราย ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. และมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยช่วง 3 วันอยู่ที่ 27 ราย ซึ่งถือเป็นสถิติที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.
อย่างไรก็ตาม สื่อสหรัฐฯ นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า สถิติบางรัฐในภาคใต้ ตะวันตก และตะวันตกเฉียงใต้กลับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่บางแห่งกลับสร้างสถิติใหม่ อันเป็นผลมาจากรูปแบบการดำเนินงานที่ก่อให้เกิดปัญหาในบางพื้นที่ที่เริ่มผ่อนปรนมาตรการจำกัดก่อนที่อื่น
เซาธ์แคโรไลนา ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐสุดท้ายที่ออกคำสั่งให้ประชาชนเก็บตัวอยู่บ้านและหนึ่งในรัฐแรกที่เริ่มเปิดทำการ พบผู้ติดเชื้อใหม่ 840 รายในวันจันทร์ (15 มิ.ย.) ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 1 วันนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่
ส่วนรัฐแอริโซนา ซึ่งอนุมัติให้สระว่ายน้ำและโรงยิมกลับมาเปิดทำการในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้สั่งการให้โรงพยาบาลใช้แผนฉุกเฉินเพื่อรับมือกับคลื่นผู้ป่วยโควิด-19 ระลอกใหม่
แอริโซนาเป็น 1 ใน 12 รัฐของสหรัฐฯ ที่มีรายงานผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น และเป็น 1 ใน 8 รัฐที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเป็นจุดเสี่ยงติดโรคโควิด-19 แห่งใหม่ เว็บไซต์ข่าววอกซ์ดอตคอม (Vox.com) รายงาน
ผลการวิเคราะห์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของฐานข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอหน์ส ฮอปกินส์ระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรัฐอย่างน้อย 23 แห่งในสหรัฐฯ ที่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
ช่องข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเท็กซัสที่ระบุว่ามีผู้ป่วย 2,287 รายที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 เมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นสถิติการเข้ารักษาในโรงพยาบาลสูงสุดเป็นลำดับที่ 6 ของรัฐแห่งนี้ในช่วงเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์
เท็กซัสเป็นหนึ่งในรัฐแรกๆ ของสหรัฐฯ ที่ผ่อนปรนคำสั่งเก็บตัวอยู่ที่บ้าน และอนุมัติให้ยกเลิกในวันที่ 30 เม.ย.
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า สหรัฐฯ กำลังจะเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งขึ้นในการยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่หลายรัฐเริ่มกลับมาเปิดดำเนินการต่างๆ อีกครั้ง และโรงเรียนเริ่มกลับมาสอนแบบพบปะกัน
"ผมเกรงว่าเราจะไม่เห็นจุดพลิกผันของสถานการณ์นี้นานถึง 1 ปี" สแตนลีย์ เพิร์ลแมน (Stanley Perlman) ศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยาและภูมิคุ้มกันวิทยา จากมหาวิทยาลัยไอโอวา บอกสำนักข่าวซินหัวในการให้สัมภาษณ์ทางอีเมล
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) เคยคาดการณ์ไว้ว่า อัตราการเสียชีวิตจากไวรัสชนิดนี้ของสหรัฐฯ จะอยู่ที่ 124,000-140,000 ราย เมื่อนับถึงวันที่ 4 ก.ค. และคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในรัฐแอริโซนา อาร์คันซอ ฮาวาย นอร์ธแคโรไลนา ยูทาห์ และเวอร์มอนต์ในเดือนถัดไปเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว
สถาบันเพื่อการวัดและประเมินผลด้านสุขภาพ (IHME) ของมหาวิทยาลัยวอชิงตันได้สร้างแบบจำลองที่น่าเชื่อถือ ซึ่งผ่านการปรับแก้ผลคาดการณ์อยู่หลายครั้ง โดยทำนายว่าจะมีผู้เสียชีวิตเกือบ 170,000 รายในสหรัฐฯ ภายในวันที่ 1 ต.ค.
ทางสถาบันยังคาดการณ์ว่าในหลายสถานที่อาจเกิดการติดเชื้อเพิ่มขึ้นช่วงเดือนส.ค.-ก.ย. โดยประเมินจากสมมติฐานที่ว่าโรงเรียนจะเปิดการสอนอีกครั้งในช่วงเวลานี้
ศูนย์ซีดีซียังระบุเตือนว่า รัฐต่างๆ อาจจำเป็นต้องกลับมาใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวดอีกครั้ง ดังช่วงต้นปีที่ผ่านมา หากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น "ในปริมาณสูง"
.CR: xinhuathai