"หมอระวี"อัด"วีระกร"ออกตัวแรงกลัวตกรถทั้งที่ยังไม่ศึกษาCPTPP

(12 มิถุนายน 2563) นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาเรื่องความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนภาคเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) สภาผู้แทนราษฎร ครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า กรอบระยะเวลาการทำงานของ กมธ. ชุดนี้มีเพียง 30 วันเท่านั้น ซึ่งกว่าจะผ่านขั้นตอนประชุมสภาฯ เพื่อส่งความเห็นไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.)  ก็น่าจะเป็นวันที่ 24 ก.ค. ฉะนั้นระยะเวลาแทบจะไม่ทัน โดย กมธ. จึงตัดสินใจตั้งคณะอนุ กมธ. ขึ้นมาอีก 3 คณะ เพื่อจะสามารถทำงานได้เร็วยิ่งขึ้น "เดิมกลุ่มสนธิสัญญานี้ ชื่อ TPP ที่มีประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ด้วย ต่อมาสหรัฐอเมริกาก็ได้ถอนตัวออกไป ภาคีสมาชิกจึงแขวนข้อความที่อาจจะมีปัญหามากออกไปประมาณ 20 ข้อ และเปลี่ยนชื่อมาเป็น CPTPP ดังนั้น ถ้าเกิดสหรัฐอเมริกากลับเข้ามาร่วมกลุ่มจริง และถ้ามีการดึง 20 ประเด็นที่แขวนไว้กลับเข้ามาใหม่ ผมไม่แน่ใจว่า ที่ผมเคยพูดว่า ตกรถดีกว่าตกหล่ม จะต้องเปลี่ยนเป็น ตกรถดีกว่าตกเหวหรือไม่" นพ.ระวี กล่าว 

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงการแถลงข่าวของนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกมธ. ที่ระบุว่า หากไทยไม่เข้าร่วมเหมือนตกรถเมล์นั้น นพ.ระวี ระบุว่า ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่การแสดงออกในฐานะประธาน ที่ยังไม่ได้เริ่มทำการศึกษาข้อดีและข้อเสียในการเข้าร่วม CPTPP แต่กลับแถลงเรื่องกลัวตกรถเมล์ จะเหมาะสมหรือไม่นั้น ให้ประชาชนเป็นผู้พิจารณาเอง นพ.ระวี ยังได้กล่าวถึงตัวแทนภาคประชาชน FTA WATCH ว่า น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุล รองประธานกลุ่มฯ เป็น กมธ.จากโควต้าพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว และในวันนี้ (12มิ.ย.) ตนได้เสนอขออนุมัติตั้ง นายวิฑูร เลี่ยงจำรูญ ผู้อำนวยการองค์กรความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาไทย (BIOTHAI) เข้าเป็นที่ปรึกษากมธ. ซึ่งสามารถเข้าร่วมประชุมกับ กมธ. ได้ตลอด 

นอกจากนี้ ได้เสนอให้นายวิฑูร เป็นอนุ กมธ.ด้านการเกษตรด้วย และยังได้เสนอ นายเฉลิมศักดิ์ กิตติตระกูล หนึ่งในแกนนำกลุ่มฯ เข้าเป็นอนุกมธ.ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ส่วนน.ส.กรรณิการ์ อยู่อนุกมธ.ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทั้ง 3 คนจากกลุ่ม FTA WATCH ถือเป็นคนมีความรู้ความเชี่ยวชาญอย่างดี และยังเป็นตัวแทนของประชาชน

เมื่อถามถึงความเห็นส่วนตัวในการเข้าร่วม CPTPP นพ.ระวี ยอมรับว่า ยังไม่ได้ฟันธงว่าเห็นด้วยหรือไม่ ต้องรอศึกษาข้อดีและข้อเสียให้รอบด้านก่อน แต่สุดท้ายหากตนจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากรัฐบาล ก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่าพรรคพลังธรรมใหม่เป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลอยู่แล้ว