svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

บราซิล ยอดติดเชื้อพุ่งแซงสหรัฐ อยู่ที่วันละ 3.3 หมื่นคน

11 มิถุนายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

บราซิล มีจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด19 ต่อวัน พุ่งแซงสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อในแต่ละวันอยู่ที่ 33,100 ราย ซึ่งมากกว่าสหรัฐฯ เกือบเท่าตัว .

มีรายงานว่า ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิด19 ในประเทศบราซิลพุ่งทะยานสูงขึ้นในทุกวัน กระทั่งล่าสุดตัวเลขผู้ติดเชื้อต่อวันพุ่งแซงสหรัฐฯขึ้นเป็นอันดับ1 แล้ว โดยเมื่อวานที่ผ่านมา (11 มิ.ย.) สถิติตัวเลขผู้ติดเชื้อของบราซิลอยู่ที่ 33,100 ราย ขณะที่สหรัฐฯ มียอดผู้ติดเชื้อเมื่อวานนี้ อยู่ที่ 19,958 ราย นับว่ามากกว่าสหรัฐเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว


.

บราซิล ยอดติดเชื้อพุ่งแซงสหรัฐ อยู่ที่วันละ 3.3 หมื่นคน



.

บราซิล ยอดติดเชื้อพุ่งแซงสหรัฐ อยู่ที่วันละ 3.3 หมื่นคน




โดยจำนวนผู้ติดเชื้อของบราซิล ถูกบันทึกเอาไว้ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าตัวเลขพุ่งสูงขึ้นกว่าเดิมมาก จนทำให้หลายฝ่ายเป็นกังวลถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ในบราซิลที่กำลังแย่ลง และไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นในเร็ววัน ขณะที่ล่าสุดทางการบราซิล ยังได้ประกาศปลดล็อกดาวน์ เปิดเมือง เปิดร้านค้า ทั้งยังมีแผนเปิดห้างสรรพสินค้าในเร็วๆนี้ เพื่อให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ

.

ทั้งนี้ รัฐบาลบราซิล ได้ยกเลิกการรายงานยอดผู้ติดเชื้อให้กับประชาชนในประเทศได้รับทราบตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา (6 มิ.ย.) ทำให้สื่อหลายสำนักตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมาทางรัฐบาลพยายามปกปิดข้อมูล และอาจมีการตกแต่งตัวเลขที่ไม่เป็นจริง แต่ทว่าศาลสูงสุดของบราซิล มีคำสั่งให้รัฐบาลกลับมารายงานยอดผู้ติดเชื้อตามเดิมแล้ว



.

บราซิล ยอดติดเชื้อพุ่งแซงสหรัฐ อยู่ที่วันละ 3.3 หมื่นคน

.

บราซิล ยอดติดเชื้อพุ่งแซงสหรัฐ อยู่ที่วันละ 3.3 หมื่นคน

..

สำหรับยอดผู้ติดเชื้อ ปัจจุบันของบราซิล มากเป็นอันดับ2 ของโลก อยู่ที่จำนวน 775,184 ราย เสียชีวิต 39,797 ราย และยอดติดเชื้อในแต่ละวันมากเป็นอันดับ1 ถึง 33,100 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตต่อวันถึง 1,300 ราย ซึ่งคาดการณ์กันว่าจำนวนยอดผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมดอาจแซงหน้าสหรัฐ หากรัฐบาลยังคงนโยบายเปิดเมือง ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดที่กำลังเลวร้ายไปทุกขณะ


บราซิล ยอดติดเชื้อพุ่งแซงสหรัฐ อยู่ที่วันละ 3.3 หมื่นคน

.

บราซิล ยอดติดเชื้อพุ่งแซงสหรัฐ อยู่ที่วันละ 3.3 หมื่นคน



source : The Guardian

logoline