svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าว

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังผู้นำกลุ่มโอเปกพลัสเตรียมหารือข้อตกลงการขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิต

08 มิถุนายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 8 มิถุนายน 2563 ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 38-43 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 40-45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล




แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (8 12 มิ.ย. 63)


ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบและพันธมิตร (กลุ่มโอเปกพลัส) มีข้อตกลงเบื้องต้นที่จะขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่สิ้นสุดในเดือน มิ.ย.63 ออกไปเป็นสิ้นสุดเดือน ก.ค.63 แต่อย่างไรก็ตามการประชุมอย่างเป็นทางการของกลุ่มโอเปกพลัสจะมีขึ้นในวันที่ 6 มิ.ย.63  นอกจากนั้นตลาดยังได้รับแรงกดดันจากเหตุการณ์ความรุนแรงในสหรัฐฯ ซึ่งอาจกระทบความต้องการใช้น้ำมันดิบโดยรวม 



ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:


1.ตลาดน้ำมันตอบรับ หลังซาอุดิอาระเบียและรัสเซียมีการหารือกันเบื้องต้นที่จะขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมในเดือน พ.ค. - มิ.ย. 63 เป็นสิ้นสุดในเดือน ก.ค. 63 เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้กลุ่มโอเปกพลัสจะหาข้อสรุปร่วมกันในการประชุมวันที่ 6 มิ.ย. จากเดิมที่คาดว่าจะเป็นวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียได้เตือนถึงประเทศสมาชิกที่ไม่ได้ปฎิบัติตามข้อตกลงลดกำลังการผลิต หลังหลายประเทศยังคงผลิตน้ำมันมากกว่าข้อตกลง 


2.ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือน พ.ค.63 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 24.77 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งปรับลดลง 5.91 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน เม.ษ.63 โดยประเทศที่ปรับลดกำลังการผลิตมากสุด คือ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และคูเวต อย่างไรก็ตามยังมีประเทศที่ลดกำลังการผลิตน้อยกว่าข้อตกลงอาทิ ไนจีเรีย และอิรัก 


3.จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐฯ และแคนาดาลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้กำลังการผลิตน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลดลง โดย Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด 29 พ.ค. 63 ลดลง 17 แท่น ในขณะที่จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซของแคนาดาลดลง 20 แท่น 


4.ดัชนีภาคการบริการจีน (Caixins services PMI) ของเดือน พ.ค.63 อยู่ที่ระดับ 55.0 เพิ่มสูงขึ้นจาก 44.4 ในเดือน เม.ย. 63 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 63 โดยการปรับเพิ่มขึ้นดังกล่าวเกิดจากแรงกระตุ้นของการคลายมาตรการปิดเมืองในประเทศจีน ซึ่งเป็นการแสดงถึงแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันที่จะเพิ่มสูงขึ้น 


5.สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลัง ณ สัปดาห์สิ้นสุด 3 มิ.ย. 63 ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังเพิ่มขึ้น 9.9 ล้านบาร์เรล เมื่อเทียบกับคาดการณ์ที่ระดับ 2.7 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้ ปริมาณน้ำมันดีเซลและเบนซินคงคลังที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องมาจากการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ ประกอบกับเหตุการณ์ความไม่สงบในสหรัฐฯ ที่กดดันความต้องการใช้น้ำมัน 


6.ตลาดยังคงกังวลกับความตึงเครียดครั้งใหม่ระหว่างจีนและสหรัฐฯ หลังรัฐบาลจีนพิจารณาใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ต่อฮ่องกง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอิสระในการปกครองตนเองของฮ่องกง ล่าสุดจีนชะลอการซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐฯ เช่นถั่วเหลืองและหมู เพื่อเป็นการโต้ตอบสหรัฐฯ ที่จะเริ่มกระบวนการยกเลิกสถานะพิเศษของฮ่องกง 


7.เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จีดีพีกลุ่มโซโรโซนไตรมาส 1/63 ดัชนีผู้บริโภคจีนและสหรัฐฯเดือนพ.ค.63 การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ และรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (1-5 มิ.ย. 63) 


ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 4.06 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 39.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 6.97 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 42.30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 40.82 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกที่ฟื้นตัวขึ้น หลังจากหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง รวมถึงแนวโน้มที่จะมีการจัดประชุมโอเปกพลัสเพื่อขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิต แต่อย่างไรก็ตามความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด

logoline