น.ส.วทันยา กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงโควิด-19ส.ส.ของพรรคได้ลงพื้นที่และตอนนี้ก็ต้องให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิตภายหลังวิกฤตโควิด-19 ซึ่งวันนี้ (6มิ.ย.) ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องธุรกิจเอสเอ็มอี ในการเยียวยา ซึ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้สะท้อนถึงปัญหาในเรื่องการเข้าถึงสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ โดยข้อมูลที่ได้รับมาจากธนาคาร ยังมีความคลาดเคลื่อนว่า สินเชื่อซอฟท์โลนหมดแล้ว แต่ในความจริงนั้น สินเชื่อซอฟท์โลนยังไม่เต็ม เพิ่งจะใช้ไปเพียง 11% เท่านั้น จากนี้คงจะต้องมีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจให้มากขึ้น
"พวกเรามีอายุไล่เลี่ยกัน อยากเห็นการเมืองพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเหมือนๆกัน ไม่ใช่การเมืองน้ำเน่าแบบทุกวันนี้จึงได้รวมกลุ่มเพื่อทำงานร่วมกันวันนี้อยากจะขับเคลื่อนให้พรรคพลังประชารัฐก้าวไปข้างหน้า เพราะพวกเราเคารพผู้ใหญ่ และส.สทุกคนในพรรค แต่เราก็มีจุดยืนและอยากจะสะท้อนมุมมองของประชาชนให้ผู้ใหญ่ในพรรคได้รับฟัง"น.ส.วทันยา กล่าว
น.ส.วทันยา กล่าวถึงคุณสมบัติของคนจะมาเป็นหัวหน้าพรรค จะต้องเป็นผู้นำที่มีความเข้มแข็ง มีความเป็นธรรมให้กับสมาชิก และมีวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนพรรค เพื่อให้พรรคมีความเป็นหนึ่งเดียว และสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนชื่อแคนดิเดตที่มีชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานยุทธศาสตร์พรรคฯ จะมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคนั้น มองว่าพล.อ.ประวิตร มีความเมตตาและมีความอาวุโส และ ส.ส.ทุกคนให้ความเคารพอยู่แล้ว ดังนั้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสมาชิกในการเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค
น.ส.วทันยา กล่าวยืนยันว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อตั้งพรรคใหม่ และไม่ได้มีความคิดแบบนั้น เพราะส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่าพรรคพลังประชารัฐยังมีความเข้มแข็งที่จะเดินหน้าอยู่ แต่ระบอบประชาธิปไตยอาจจะมีความแตกต่างทางความคิดได้ แต่ยังเชื่อว่าเมื่อทุกคนเข้าใจกัน จะยังเดินหน้าทำงานเพื่อประเทศและประชาชนต่อไป เพราะทุกคนล้วนแต่เป็นคนมีความสามารถ