ถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุ หลังจากกระทรวงการคลังลดสัดส่วนการถือหุ้น บมจ.การบินไทย เหลือ 47% เปลี่ยนสภาพจากรัฐวิสาหกิจ เป็นบริษัทเอกชน ในส่วนงานที่กระทรวงคมนาคมทำค้างไว้คือการตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารกิจการของบริษัทและปัญหาการทุจริต โดยได้ตั้ง พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช เป็นหัวหน้าคณะทำงานชุดนี้ เนื่องจากพบว่ามีหลายประเด็น อาทิ การซื้อเครื่อง Airbus A340 จำนวน 10 ลำ ที่แพงกว่าปกติ การนำเครื่อง A340 บินในเส้นทางที่ขาดทุนนานกว่า 3 ปี รวมทั้งเส้นทางบิน เช่น กรุงเทพฯ-ลอนดอน กรุงเทพ-มอสโคว ที่ขาดทุนต่อเนื่องกว่า 2 ปี แม้ผลการดำเนินงานขาดทุนแต่ผู้บริหารและคณะกรรมการ หรือ บอร์ดยังได้รับการประเมินให้ผ่านเกณฑ์ให้ทำงานต่อโดยไม่มีการปรับปรุงแก้ไข นอกจากนี้ การเช่าหรือเช่าซื้อเครื่องบินที่ต้องจ่ายกว่า 33 ล้านบาท/ลำ/เดือน แต่ไม่มีกำไรหรือขาดทุนในบางเส้นทางและการเช่าดังกล่าวยังพบว่าเช่าผ่านบุคคลที่ 3 ที่เป็นนอมินีที่ร่วมกันหาผลประโยชน์กับการบินไทย
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่ารายได้จากการขายตั๋วโดยสารของการบินไทยไม่สอดคล้องกับปริมาณผู้โดยสารที่มีจำนวน 25.4 ล้านคน แสดงให้เห็นว่าค่าโดยสารต่อหัวเฉลี่ยของการบินไทยต่ำอยู่ที่ประมาณ 6,081 บาทต่อคน ไม่สอดคล้องกับราคาตั๋วโดยสารที่แท้จริง ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่า การบริหารไม่มีประสิทธิภาพ และส่อแววการทุจริต คาดว่าจะสรุปผลได้ภายใน 60 วัน
ทั้งนี้ มองว่าอนาคตของการบินไทย ภายใต้บอร์ดบริหารใหม่ที่เข้ามา หนึ่งในนั้นมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่เป็นนักกฎหมาย เป็นนักธุรกิจที่ผ่านการบริหารงานมามากมาย เชื่อว่าจะสามารถดูแลการบินไทยให้ฟื้นฟูได้ด้วยการร่วมมือกันในบอร์ดชุดนี้ ซึ่งตนเชื่อว่าการบินไทยจะฟื้นฟูได้อย่างแน่นอน