svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

BTS โชว์กำไรพุ่ง 184%

04 มิถุนายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

บีทีเอส กรุ๊ปแจงกำไรสุทธิปี 2562/63 แตะ 8.2 พันล้านบาท โต 184% จากปีก่อน แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS) เปิดเผยผลประกอบการปีงบประมาณ 2562/63 (เม.ย. 62-มี.ค. 63) ว่าบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 8.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 184% ซึ่งมีผลดำเนินงานน่าประทับใจ แม้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ธุรกิจสื่อโฆษณา และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น รายได้รวมจำนวน 4.22 หมื่นล้านบาท โดยมีรายได้จากธุรกิจระบบขนส่งมวลชนเป็นรายได้หลัก ในส่วนธุรกิจสื่อโฆษณา มีผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่งแสดงกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ที่ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน

สำหรับธุรกิจระบบขนส่งมวลชน โครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา โดยในปี 2562/63 มีรายได้ค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง และรายได้จากการให้บริการติดตั้งงานระบบและจัดหารถไฟฟ้าขบวนใหม่ภายใต้สัญญาสัมปทานสำหรับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้และเหนือ จำนวน 2.52 หมื่นล้านบาท ด้านรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ประจำปี 2562/63 เพิ่มขึ้น 65% เป็น 3.8 พันล้านบาท บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ที่ 3.4 พันล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากการเปิดให้บริการโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ทั้งสายตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 รวมถึงการทยอยเปิดให้บริการ 5 สถานีแรกของโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือในปี 2562

นอกจากนี้ เรายังตั้งเป้าการเปิดทดลองให้บริการโครงการดังกล่าวอีก 4 สถานี ถึงสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ในเดือนมิถุนายน 2563 และคาดว่าจะเปิดให้บริการสถานีที่เหลือภายในสิ้นปี 2563 ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าการเปิดให้บริการสถานีใหม่ๆ จะเป็นปัจจัยหนุนหลักของการเติบโตของรายได้ O&M ในอนาคต สำหรับโครงการคมนาคมขนส่งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองนั้น คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าเป็นอย่างมากในปี 2563/64 ภายหลังการลงนามในสัญญาที่คาดว่าโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาจะสามารถลงนามได้ในเดือนมิถุนายน 2563 และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองในเดือนกรกฎาคม 2563

ส่วนธุรกิจสื่อโฆษณา บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแบบ Offline-to-Online (O2O) โซลูชันส์ สามารถสร้างสถิติรายได้และกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ โดยมีรายได้ 4 พันล้านบาท เติบโต 11% และกำไรสุทธิ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1.1 พันล้านบาทในปีก่อน

นายกวินกล่าวต่อไปว่า ในงวดปี 2563/64 จะเป็นอีกปีแห่งความท้าทายเมื่อโลกของเราเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สภาวะปกติแบบใหม่ (new normal) อย่างไรก็ดี เชื่อว่าปีงบประมาณใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้จะเป็นปีที่มีโครงการใหม่ๆ ที่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา หรือโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง อีกทั้งบริษัทฯ ยังเปิดกว้างในการหาพันธมิตรในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อสร้าง Synergy และเพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจ

logoline