svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

จลาจล "สหรัฐฯ" แหล่งซูเปอร์สเปรดเดอร์ "โควิด-19"

03 มิถุนายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เหตุจลาจลที่สืบเนื่องจากการประท้วงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ "จอร์จ ฟลอยด์" เกิดขึ้นในขณะที่ทั่วทั้งสหรัฐฯ กำลังเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญกังวลว่า โรคโควิด-19 อาจกลับมาระบาดระลอกใหม่ในสหรัฐฯ ได้ แล้วปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เหตุจลาจลกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อไวรัสมีอะไรบ้าง ไปวิเคราะห์กันกับคุณกิตติดิษฐ์ ธนดิษฐ์สุวรรณ

ขณะนี้สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับเหตุจลาจลจากประเด็นสีผิวที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 50 ปี แต่ในขณะเดียวกันวิกฤตที่เกิดขึ้นล่าสุดจากปัญหาเรื้อรังทางสังคมนี้ก็เสี่ยงที่จะไปซ้ำเติมอีกหนึ่งวิกฤตที่ยังไม่มีไม่ท่าทีว่าจะจบลงในเร็ววัน นั่นก็คือ การระบาดของโรคโควิด-19 ที่สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดในโลก จนอาจทำให้เกิดการระบาดใหญ่ระลอกใหม่ และอาจทำให้ความพยายามควบคุมโรคที่ผ่านมาต้องสูญเปล่าได้

จลาจล "สหรัฐฯ" แหล่งซูเปอร์สเปรดเดอร์ "โควิด-19"


การประท้วงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ "จอร์จ ฟลอยด์" เกิดขึ้นในขณะที่ทั่วทั้งสหรัฐฯ กำลังเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดย นพ.เจอโรม อดัมส์ ศัลยแพทย์ใหญ่ของสหรัฐฯซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับอธิบดีกรมอนามัยของบ้านเราได้ออกมาแสดงความกังวลอย่างชัดเจน โดยกล่าวว่ามีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่การประท้วงจะทำให้เกิดการระบาดแบบกลุ่มก้อนขึ้นเป็นจำนวนมากและอาจนำไปสู่การระบาดระลอกใหม่ในอนาคต
การชุมนุมประท้วงไปจนถึงการก่อจลาจลในสหรัฐฯ ตอนนี้เต็มไปด้วยหลายปัจจัยเสี่ยงที่จะนำไปสู่การเป็นแหล่งของ "ซูเปอร์สเปรดเดอร์" ได้ เพราะการประท้วงก็คือการมารวมกลุ่มกันของคนตั้งแต่หลายร้อย หลายพัน หรืออาจถึงหลักหมื่นคน แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสวมหน้ากากอนามัย ในขณะที่การรักษาระยะห่างทางสังคมก็เป็นไปได้ยาก


นอกจากนี้การตะโกนใส่กันก็เท่ากับว่าปริมาณของฝอยละอองที่พ่นออกมาก็จะมีมากกว่าการพูดจากันปกติ ที่สำคัญเมื่อเหตุการณ์บานปลายถึงขั้นใช้แก๊สน้ำตาหรือสเปรย์พริกไทย อาการระคายเคืองที่เกิดขึ้นกับระบบทางเดินหายใจก็จะยิ่งทำให้ผู้ที่โดนสารเหล่านี้เข้าไปยิ่งต้องน้ำตาไหล ไอ และจามซึ่งเป็นการพ่นฝอยละอองไปได้ไกลหลายเมตร
ปัจจัยต่อมาก็คือ การจลาจลที่เต็มไปด้วยความชุลมุนวุ่นวาย ย่อมไม่มีทางทราบได้เลยว่าใครเป็นใครกันแน่ และมีรายงานด้วยว่าผู้ชุมนุมไม่ได้มีแต่คนในท้องถิ่นเท่านั้น หลายคนเดินทางมาจากต่างพื้นที่ ดังนั้นหากมีการติดเชื้อโควิด-19 ขึ้นมา การสอบสวนโรคก็จะเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากผู้ที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ก็คงไม่อยากเปิดเผยตัวตนให้ใครได้รู้
ส่วนในเรื่องของการทดสอบหาเชื้อนั้น ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาปรากฎว่าจุดทดสอบในหลายรัฐได้รับความเสียหายจากเหตุจลาจล ส่วนสถานที่ที่ยังพอเปิดทำการได้ก็ต้องปิดเร็วขึ้นเนื่องจากติดมาตรการเคอร์ฟิว
จากปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดนี้ เราจึงต้องจับตากันว่า ในช่วง 2-4 สัปดาห์ข้างหน้าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ จะพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ โดยถึงแม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐฯ จะลดลงมา 5 สัปดาห์ติดต่อกันแล้ว แต่เมื่อเจาะลงไปดูในระดับรัฐจะพบว่า ยังมีอยู่ถึง 17 รัฐที่แนวโน้มการระบาดยังคงเป็น "ขาขึ้น"


แผนที่นี้แสดงให้เห็นถึง 10 รัฐที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดในสหรัฐฯ ปรากฏว่า แทบทุกรัฐมีเหตุจลาจลเกิดขึ้นตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น นิวยอร์กซึ่งเป็นรัฐที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดกว่า 3 แสนคน, รัฐอิลลินอยส์มีเหตุจลาจลเกิดขึ้นในเมืองชิคาโก, รัฐแคลิฟอร์เนียมีเหตุวุ่นวายในลอสแองเจลิสและซานฟรานซิสโก ขณะที่จุดเกิดเหตุฆาตกรรมนายจอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งอยู่ในเมืองมินนีอาโพลิส รัฐมินนีโซตา แม้จะไม่ได้ติดท็อปเท็น แต่ปัจจุบันก็มีผู้ติดเชื้อทั่วทั้งรัฐกว่า 25,000 คน และผู้เสียชีวิตก็เพิ่งทำสถิติสูงสุดไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ด้วยเหตุนี้ทางผู้ว่าการรัฐและผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจึงแนะนำว่า ในการชุมนุมควรสวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการตะโกนด้วยการชูป้ายข้อความหรือใช้อุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเสียงดัง ส่วนใครก็ตามที่ไปร่วมการชุมนุมให้ถือว่าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยงทันที นั่นก็หมายความว่า เมื่อกลับมาที่บ้านแล้วต้องกักตัวเพื่อสังเกตอาการ และต้องอยู่ห่างจากสมาชิกคนอื่นในครอบครัว หากมีอาการต้องสงสัยเมื่อไหร่ต้องไปตรวจหาเชื้อทันที
เทอร์เรนซ์ ฟลอยด์ น้องชายของจอร์จ ฟลอยด์กล่าวไว้ชัดเจนว่า การใช้ความรุนแรงและก่อจลาจลไม่ได้ช่วยให้พี่ชายของเขาฟื้นกลับคืนมา"พวกคุณทำอะไรกันอยู่ พวกคุณไม่ได้ช่วยอะไรเลย มันไม่ได้ช่วยพาพี่ชายผมกลับมา ผมมั่นใจว่าพี่ของผมคงไม่อยากให้พวกคุณทำอะไรแบบนี้"
เราก็ได้แต่หวังว่าข้อความของเขาจะช่วยกระตุกเตือนสติทุกคนได้ก่อนที่จะเกิดความสูญเสียไปมากกว่านี้ ไม่ว่าความสูญเสียนั้นจะมาจากไวรัสหรือมาจากน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเองก็ตาม

logoline