สรท. 'คงเป้า' ส่งออกติดลบ 8%

สถานการณ์การส่งออกเดือน เมษายน พบว่ามีมูลค่า 18,948 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 2.12% ทำให้ภาพรวมการส่งออกในช่วงเดือน 4 เดือนแรก มีมูลค่าอยู่ที่ 81,620 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ถือว่าขยายตัว 1.19% แต่จากวิกฤตโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจและ ภาคธุรกิจ ล่าสุด สภาผู้ส่งออกยังคงเป้าเดิมของการส่งออกทั้งปีไว้ที่ -8% โดยคาดว่าการส่งออกไทยจะกลับมาฟื้นตัวมากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้าย
กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย   กล่าวว่า การคาดการณ์ที่จะฟื้นตัวดังกล่าว  มาจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศ ทำให้ระบบการผลิตและการส่งออกสินค้า กลับมาดำเนินการได้ใกล้เคียงปกติ ประกอบกับ การส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารที่ขยายตัวได้ดี อาทิ ผัก ผลไม้สด แช่แข็ง อาหารกระป๋องและแปรรูป"การส่งออกปีนี้คงจะติดลบ เพราะวิกฤติโควิด-19 ทั่วโลกยังน่าเป็นห่วง ซึ่งเรามองว่าการส่งออกทั้งปีน่าจะติดลบราว8% โดยปัจจัยบวกมาจากอุตสาหกรรมอาหารและกลุ่มค้าปลีก และการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวในประเทศทำให้ภาคการผลิตกลับมาดำเนินการได้ใกล้เคียงปกติ"ดูปัจจัยบวกไปแล้ว มาดูปัจจัยลบกันบ้าง เพราะแม้ภาพรวมการส่งออกเดือนเมษายน จะมีแนวโน้มค่อนข้างดี แต่ยังวางใจไม่ได้ โดยเฉพาะความไม่แน่นอนของวิกฤติโควิด-19 ระรอกต่อไป ที่ทำให้หลายประเทศยังคงมาตรการล็อกดาวน์ไว้ ส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอาจจะทำให้ความต้องการสินค้าของตลาดโลกลดลง นอกจากนี้ยังต้องจับตาค่าเงินบาทที่เริ่มมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่ประเทศไทยที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีกว่าหลายประเทศ ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดการณ์ อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องจับตาคือราคาน้ำมัน เพราะตอนนี้เริ่มกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อต้นทุนผู้ประกอบการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยบวกลบ ที่ส่งผลต่อตัวเลขการส่งออกในช่วงที่ผ่านมา บนสมมติฐานค่าเงินที่ 30.50 บาท/ดอลล่าร์
สภาผู้ส่งออก ได้จัดทำข้อเสนอแนะไปยังภาครัฐ โดยแนะนำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้แข็งค่ากว่า 34 บาท/ดอลลาร์ นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้ประเทศไทยเข้าร่วมเจรจา CPTPP เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย