สงครามกลางเมือง อยู่ไม่ไกลหาก ทรัมป์ ประกาศให้ แอนติฟา เป็นกลุ่มก่อการร้าย

ขณะที่ผู้ชุมนุม ยังได้จลาจล ม็อบปะทะตำรวจ ในหลายเมือง รวมทั้งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นครนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก และเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย โดยมีร้านค้าในนครนิวยอร์ก และในรัฐแคลิฟอร์เนีย ถูกกลุ่มผู้ประท้วงบุกทุบทำลายร้านและปล้นสินค้า

ทางการสหรัฐฯ ได้ประกาศเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกนอกบ้านในยามวิกาล เพื่อควบคุมสถานการณ์จลาจลแล้วอย่างน้อย 40 เมืองทั่วประเทศ ทว่ายังคงมีม็อบฝ่าฝืนมาตรการเคอร์ฟิวในบางพื้นที่ ออกมาก่อเหตุจลาจลรุนแรงอย่างต่อเนื่องเป็นคืนที่ 6 แล้วจนถึงคืนวันที่ 1 มิถุนายน 2563
ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้เขียนข้อความผ่านทาง ทวิตเตอร์ ว่า สหรัฐอเมริกาจะให้กลุ่ม แอนติฟา (ANTIFA) เป็นกลุ่มก่อการร้าย โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ มองว่า กลุ่มนี้อยู่เบื้องหลังการชุมนุม และก่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมืองต่างๆ ของสหรัฐฯ ในครั้งนี้
สำหรับกลุ่ม แอนติฟา (ANTIFA) ที่ทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ พูดถึงนั้นคือ กลุ่มขบวนการต่อต้านฟาสซิสต์ เป็นกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย ต่อต้านเผด็จการ และต่อต้านฝ่ายขวาหัวรุนแรง เป็นกลุ่มที่มีการรวมตัวกันหลวมๆ แต่ดำเนินการลงมืออย่างจริงจังเพื่อตอบโต้การกระทำที่เหยียดเชื้อชาติ เหยียดผิวและการใช้อำนาจของรัฐ โดยไม่มีการแกนำ ไม่มีการจัดตั้งเป็นองค์กรที่มีโครงสร้างแน่นอน แต่รวมตัวกันหลวม ๆ เป็นเครือข่ายทั่วโลกผ่านสื่อสังคมออนไลน์

ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน (สถาพร เกื้อสกุล)
จากท่าทีดังกล่าวของผู้นำสหรัฐฯ ทำให้เวลานี้หลายฝ่ายเริ่มกังวลว่าถ้ารัฐบาลสหรัฐฯประกาศให้กลุ่มแอนติฟาเป็นองค์กรก่อการร้าย เท่ากับว่า รัฐบาลกำลังพยายามควบคุมการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน และเหมารวมว่ากลุ่มผู้ชุมนุมนั้นใช้ความรุนแรง ซึ่งขัดกับบทบัญญัติที่ 1 ในรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา ถือเป็นการริดรอนสิทธิ์การแสดงออกของประชาชน ยิ่งจะทำให้ไปสร้างแรงกดทับให้กับกลุ่มที่ต้องการแสดงออกมากยิ่งขึ้น และอาจจะลุกลามบานปลายเป็นสงครามกลางเมือง อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทั้งหมดทั้งมวลต้องจับตาสถานการณ์จลาจลในสหรัฐฯ ครั้งนี้อย่างใกล้ชิด ว่าจะทวีความรุนแรงมากกว่าปัจจุบันหรือไม่ หรือจะจบลงอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ เวลานี้สหรัฐฯ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป