โดยก่อนเกิดเหตุกลุ่มมิจฉาชีพโทรศัพท์เข้ามาในเบอร์มือถือของผู้เสียหายบอกว่าโทรมาจากค่ายโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่ง แจ้งว่า มีเบอร์เดียวกันกับตนซ้ำ 2 เบอร์ โดยจะทำการเปลี่ยนแปลงเบอร์โทรศัพท์ให้ใหม่
ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพสามารถบอกเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้เสียหายได้ตรงทุกตัว ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อทำตามโดยกลุ่มมิจฉาชีพได้หลอกว่า เดี๋ยวจะส่งรหัสมาให้โดยอ้างว่าจะเข้าไปทำธุรกรรมในการแก้ไขระบบโทรศัพท์มือถือ และให้ผู้เสียหายบอกรหัสที่ได้มาให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ
ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อส่งรหัสกลับไปให้กลุ่มมิจฉาชีพ ก่อนจะพบว่าเงินในบัญชีที่อยู่ในธนาคาร จำนวน 431,300 บาท ถูกโอนออกไปยังบัญชีธนาคารของคนอื่น ชื่อบัญชี นายสุทธิพร อยู่ดีโดยเหลือเงินติดบัญชีของผู้เสียหายอยู่เพียง 70 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ซึ่งต่อมาผู้เสียหายได้เข้าไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คงเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (1 มิถุนายน 2563) นางอารีย์ มูลมณี เภสัชกรโรงพยาบาลคงผู้เสียหายเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นธนาคารที่ตนฝากเงินได้นำเอกสารหลักฐาน และพาตนเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดยพนักงานสอบสวน สภ.คง จังหวัดนครราชสีมาได้ประสานไปยังธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นบัญชีที่รับโอนเงินไป เพื่อขออายัดบัญชีดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
แต่เบื้องต้นทราบว่ามีการถอนเงินออกไปจากบัญชีดังกล่าวแล้วเช่นกัน ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังประสานธนาคารขอข้อมูลของเจ้าของบัญชีเงินฝากเพื่อติดตามตัวเจ้าของบัญชีมาสอบปากคำแล้ว
อ่านข่าวต่อได้ที่:เภสัชกรสาวถูกมิจฉาชีพแฮกมือถือ สูญเงินเกือบ 5 แสนบาท