svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"จตุพร" ฝากความหวังไว้ที่ ปชช.ช่วยกันตรวจสอบการใช้งบเงินกู้

31 พฤษภาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"จตุพร" ฝากความหวังไว้ที่ประชาชนช่วยกันตรวจสอบการใช้งบเงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท ชี้ ไม่ว่าจะมีการตั้ง กมธ.ตรวจสอบหรือไม่ก็มีค่าเท่ากัน เชื่องบฟื้นเศรษฐกิจ 4 แสนล้านฟื้นได้ยาก

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวถึงการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับคือที่เกี่ยวข้องกับการกู้ 1 ฉบับ และเกี่ยวข้องกับการให้อำนาจของธนาคารแห่งประเทศไทย 2 ฉบับ ว่า ในฉบับแรกนั้น เงิน 1 ล้านล้านบาท ถูกแบ่งให้กระทรวงสาธารณสุขไป 4 หมื่น 5 พันล้านบาท เยียวยา 5 แสน 5 หมื่นล้านบาท และฟื้นเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท ส่วนอีก 2 ฉบับนั้นเป็นเรื่องของการติดตามกันว่า สุดท้ายแล้วจะเป็น พ.ร.ก.เพื่ออุ้มคนรวยให้เเข็งแรงอยู่รอด ส่วนคนที่ไม่รอด ก็ไม่รอดกันต่อไปรายละเอียดอีก 2 ฉบับนั้นตนเชื่อว่าระยะถัดจากนี้ไปพยานหลักฐานต่างๆ จากคนที่ไม่ได้จะปรากฎว่าใครคือคนที่ได้บ้างในจำนวน 9 แสนล้านบาท แต่ที่นักการเมืองทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลบางส่วนได้อภิปรายนั้น ทุกคนต่างก็เห็นว่างบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจจำนวน 4 แสนล้าน ที่เรียกว่าเงินผัน ประวัติศาสตร์เงินผันสมัยหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ก็มีการเปรียบเหมือนแท่งไอติมกว่าจะไปถึงประชาชนก็เหลือแต่ไม้กับคราบความหวานดังนั้นสิ่งที่ฝ่ายค้านและรัฐบาลบางคนพยายามนำเสนอว่าควรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นเพื่อมาตรวจสอบการใช้เงินจำนวน 4 แสนล้านบาท ซึ่งหลายคนถามตนว่ามีความเห็นอย่างไรนั้นส่วนตัวมองว่า ตั้งไม่ตั้งก็มีค่าเท่ากัน เพราะที่ตั้งขึ้นมานั้นในประวัติศาสตร์ทางการเมืองมองไว้ 2 เรื่องคือ ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา และขอแบ่งด้วย ซึ่งเป็นไปได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ดังนั้นตนก็หวังว่าเจตนาของการตั้งกรรมาธิการตรวจสอบฯนั้นเพื่อการตรวจสอบดังนั้นทั้งหมดคือการแสดง และ ไม่เชื่อว่าตั้ง กรรมาธิการตรวจสอบฯแล้วจะไม่มีการโกงเกิดขึ้น แต่เชื่อว่าขบวนการตรวจสอบภาคประชาชนและโลกสื่อสารไร้พรมแดนจะมีพลานุภาพมากว่าการทำงานของคณะกรรมาธิการตรวจสอบฯ ดังนั้นจะมีหรือไม่กรรมาธิการตรวจสอบก็ตาม ต้องฝากความหวังไว้ที่ประชาชนและต้องเป็นหูเป็นตา เพราะเงินจำนวนนี้คือเงินของประชาชน คือหนี้ของประชาชน ที่ต้องเฝ้าติดตาม ตรวจและต้องกล้าที่จะพูดทั้งนี้ นายจตุพร กล่าวด้วยว่า การกู้เงินรอบนี้ก็เพื่อจะรอกู้กันอีกรอบตอนพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2564 ซึ่งปีงบประมาณคือวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ก็ต้องกู้อีก หลายแสนล้าน เพราะการจัดทำงบประมาณแผ่นดินก็เป็นการจัดทำแบบงบประมาณแผ่นดินแบบขาดดุล และแน่นอนที่สุดในทางการเมืองคนที่ใช้เงิน กับคนใช้หนี้มักจะเป็นคนละคนกันเสมอ

นายจตุพร กล่าวอีกว่า สภาพประเทศซึ่งพยายามจะออกแบบว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนั้นเชื่อว่าเป็นการสะสมหนี้ตามลำดับและ ภาวะเศรษฐกิจที่เสื่อมเวลานี้ทำให้สภาพสังคมเสื่อมไปแทบทั้งหมด มีแต่ข่าวสังคมแย่ๆในแต่ละวัน วันนี้เราอยู่ในสถานการณ์บ้านเมือง ที่บางครั้งพอดูแล้ว มันก็คือการแสดงกันทั้งนั้น อย่าไปอินว่ามันใช่กันทั้งหมด แม้แต่ตนก็เคยพลัดหลงไปในดงละครหลายครั้ง จึงไม่ค่อยจะผลีผลามใดๆทั้งสิ้นในสถานการณ์ทางการเมืองแบบนี้ เพราะที่เห็นกันอยู่บนกระดานปัจจุบันยังไม่ใช่คำตอบ มันก็ยังเป็นการแสดงกันอยู่และทุกคนต่างก็รู้ว่า ณ ขณะนี้เลือกตั้งไปก็เท่านั้น ตราบใดรัฐธรรมนูญเป็นอย่างนี้ปัญหาก็ยังไม่จบแต่สิ่งที่กระทบต่อไปคือหากประเทศเกิดภาวะวิกฤตจากความหิวโหย และมีปรากฏการณ์การโหมโรงเป็นบางครั้งแต่หลังจากนี้ไปเงินจำนวน 4แสนล้านบาท จะไปสะกดคนหิวได้อย่างไร จะไปสะกดความทุกข์ยากของประชาชนได้อย่างไร ตนบอกได้เลยว่าเงินจำนวน 4 เเสนล้านบาทนั้นหากตำน้ำพริกละลายแม่น้ำก็ทำได้ แต่หากไม่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ จะมาหยุดความเดือดร้อนของประชาชนเฉพาะหน้านั้น ตนไม่เชื่อว่าเงินจำนวน 4 แสนล้านที่ว่านี้จะไปสร้างอนาคตอะไรได้ เพราะภาวะการณ์ต่างๆไม่เอื้อว่า เงินจำนวน 4 แสนล้านที่ว่านี้จะไปฟื้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ เเม้แต่นักธุรกิจที่ร่ำรวยมหาศาลยังบอกว่านี่หนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งหลายเท่า และทุกคนต่างก็รู้ว่าเป็นเพียง แค่ยาชาชั่วคราวเท่านั้นเพียงเพียงแต่จะฉีดกันตรงจุดได้หรือไม่ เนื่องจากปัญหารออยู่ข้างหน้าโดยเฉพาะในพรรคร่วมรัฐบาลก็รอปรับคณะรัฐมนตรี

"จตุพร" ฝากความหวังไว้ที่ ปชช.ช่วยกันตรวจสอบการใช้งบเงินกู้

อย่างไรก็ตามการเมืองในรอบหน้าภายใต้กติกาอันนี้จะเหนื่อยหนักยิ่งกว่าเดิม ฝ่ายค้านก็ต้องกระจาย รัฐบาลเองก็ต้องกระจายเพื่อมาจัดสำรับไพ่ใหม่กันหมด เพราะเท่าที่ดูปรากฏการณ์ขณะนี้ก็เห็นอย่างชัดเจนว่าแต่ละฝ่ายก็กระจายกันเพราะถูกออกแบบไว้อย่างนั้น เหมือนที่ตนเคยบอกว่ารวมกันแพ้แยกกันชนะ ก็ยังเป็นปรากฏการณ์เช่นนี้ และต่อให้พรรคการเมืองรวมกันยังไงก็ไม่ได้ 376 เสียง หรือได้ 376 เมื่อประชุมรัฐสภาก็เเพ้เสียง ส.ว.อยู่ดี แต่หาก จะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องใช้เสียงส.ว. 1 ใน 3 คือ 84 คน และเป็นไปได้ยากที่ส.ว.จะโหวตเพื่อตัดอำนาจตัวเองดังนั้นละครฉากนี้ตั้งแต่ฉากรัฐธรรมนูญ ตั้งกรรมาธิการการศึกษาแค่เพื่อซื้อเวลาเท่านั้น เพราะใครก็รู้ว่าต่อให้ศึกษาเสร็จก็ไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญ เพราะในอดีตมีตัวอย่างมาแล้วที่สุดท้ายก็ไม่กล้าโหวตวาระ 3 แต่จะอย่างไรก็ตาม นักการเมือง ก็ต้องรู้เช่นกันว่าภาวะเช่นนี้ประชาชนมีความยากลำบาก ส่วนที่แสดงกันไปมาก็ว่ากันไป เพียงแต่สอดคล้องกับความเดือดร้อนของประชาชนหรือไม่ ดังนั้นขอให้คิดดีๆ เพราะหากคิดไม่ดี เดี๋ยวก็จะถูกให้พ้นกระดานกันทั้งหมด

logoline