หลังจากตำรวจกองปราบสามารถติดตามจับกุมตัวนายอรรฆเดช ขันน้อย อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาที่อ้างตัวเป็น "ผู้กองณัฐ" ตำรวจสังกัด กองบังคับการปราบปราม ได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลางที่ใช้ก่อเหตุ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้ง 3 ข้อหากล่าวหา "กรรโชกทรัพย์ , มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน" พร้อมทำเรื่องส่งฝากขังเรือนจำ.บุรีรัมย์ วันนี้ และคัดค้านการประกันตัว ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายอรรฆเดช กลับเข้าห้องขังเพื่อรอทำเรื่องส่งฝากขังผู้ต้องหาก็ไม่มีท่าทีสำนึกยังตะโกนว่าตนเองมีคลิปหลักฐานเจ้าอาวาสดื่มเหล้า พร้อมมอบให้สื่อซึ่งเป็นพระ ส่วนที่ตนเองไปขู่กรรโชกเอาเงินก็ยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำ แต่เป็นพระดื่มเหล้าก็ไม่สมควรเดี๋ยวญาติโยมเขาจะไม่กราบไหว้
ด้านนางเสาร์ สุโพธิ์ พี่สาวเจ้าอาวาส บอกว่า ที่มาวันนี้เพราะตั้งใจจะมาดูหน้าผู้ต้องหาที่กล้ามาข่มขู่รีดไถได้แม้กระทั่งกับพระโดยไม่กลัวบาปกรรมเลย แต่พอเห็นหน้าและคำพูดของคนร้ายที่ไม่ได้สำนึกผิดกับสิ่งที่กระทำเลย ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด เพราะหากออกมาก็จะมากระทำในลักษณะดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นอีก ส่วนทองหนัก 3 บาปที่ถูกคนร้ายขู่รีดเอาไปก็อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามเอาคืน เพราะกว่าจะได้มาและมีอยู่แค่นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากกรณีที่นายอรรฆเดช ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน บุกเข้าไปภายในวัดกมลาวาส ต.บ้านดู่ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ แล้วอ้างตัวว่าเป็นตำรวจสังกัดกองปราบ แสดงพฤติกรรมขู่กรรโชกเรียกเอาเงินจาก พระอธิการศักดิ์ วิสุทธสีโล อายุ 63 ปี เจ้าอาวาสวัด จำนวน 250,000 บาท โดยพยามยามยัดข้อกล่าวหา เจ้าอาวาสว่าขับรถเร็ว ดื่มสุรา โกงเงินวัด และขับรถชนคนบาดเจ็บ ทั้งที่เจ้าอาวาสยืนยันว่าไม่เคยกระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่คนร้ายก็พยายามใช้ปืนข่มขู่ จนสุดท้ายพี่สาวเจ้าอาวาสต้องยอมถอดสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 3 บาท และเงินสดอีก 5,000 บาทให้ไป เพราะกลัวจะเป็นอันตรายเหตุเกิดเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา