"นิพนธ์"สั่งแก้ไฟป่าบาเจาะด่วนหลังทำเสียหาย2พันกว่าไร่
"รมช.มหาดไทย"ควง"เลขาฯศอ.บต."บินสำรวจสถานการณ์ไฟป่าพรุบาเจาะจ.นราธิวาส พร้อมประชุมสั่งการเร่งดับไฟให้จบภายใน 5-7 วัน ย้ำ จนท.เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสนับสนุนเครื่องสูบน้ำระยะไกล
(29 พฤษภาคม 2563) นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย พร้อมด้วย พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) นั่งเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจความเสียหายไฟไหม้ป่าพรุบาเจาะ ในพื้นที่ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาสโดยไฟไหม้ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่ของนิคมสหกรณ์บาเจาะ ต.ลุโบะบือซา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ทำให้พื้นที่ป่าได้รับความเสียหายกว่า 2,120 ไร่
จากนั้นนายนิพนธ์ ได้ประชุมร่วมกับ นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส,พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศอ.บต. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้แทนโครงการชลประทานจ.นราธิวาส สถานีควบคุมไฟป่า นิคมสหกรณ์บาเจาะ รวมถึง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส
โดยในที่ประชุม นายนิพนธ์ ได้รับฟังการรายงานแก้ไขสถานการณ์ไฟป่าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้บูรณาการปฏิบัติร่วมกัน เพื่อป้องกันการซ้ำซ้อน โดยให้ผู้ว่าฯ จ.นราธิวาส เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติในภาพรวม และบริหารจัดการสถานการณ์ให้คลี่คลายโดยเร็วภายใน 5-7วัน
ส่วนการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่นั้น นายนิพนธ์ ยังได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 จ.สงขลา ส่งเครื่องสูบน้ำระยะไกลเพิ่มอีก 1 เครื่อง จากเดิมที่ส่งไปแล้วจำนวน 2 เครื่อง และเจ้าหน้าที่ผู้มีความชำนาญ ดำเนินการทันทีตั้งแต่เกิดสถานการณ์พร้อมทั้งประสานงานร่วมกับศูนย์ชลประทาน เขต17 สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 8 จ.สงขลา และหน่วยงานอื่นๆ สนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาดตามความเหมาะสมของพื้นที่ รถดับเพลิง รถบรรทุกน้ำ รถแบคโฮ เพื่อร่วมบูรณาการดับไฟป่า ในส่วนพื้นที่ที่เข้าไปปฏิบัติงานได้ยากและมีความเสี่ยงสูง ได้สั่งการให้ใช้เฮลิคอปเตอร์ลำเลียง จากหมวดบินเฉพาะกิจภาคใต้ เข้าปฏิบัติภารกิจทิ้งน้ำดับไฟป่า
สำหรับพื้นที่ป่าพรุในเขตนิคมสหกรณ์บาเจาะ มีจำนวนทั้งสิ้น 90,000 ไร่ โดยประมาณ และได้กันไว้เป็นป่าส่วนกลางไว้ 20% ของพื้นที่ โดยมีลำคลองกันเป็นแนวไว้ เพื่อป้องกันชาวบ้านบุกรุกในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ซึ่งการเกิดสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุอยู่ในขณะนี้ ทั้งแนวราบและแนวดิ่งที่ลงลึกถึงตะกอนทับถมในพื้นที่ป่าพรุ ส่งผลให้การดับไฟค่อนข้างยากลำบาก และอาจต้องใช้น้ำจำนวนมากเพื่อดับไฟป่าในครั้งนี้
ส่วนสถานการณ์โดยรวมยังคงมีไฟคุอยู่ และอาจมีแนวโน้มลุกลามอีก ซึ่งทาง รมช.มหาดไทย ได้กำชับสั่งการปฏิบัติให้มีการจัดเวรยามของชาวบ้านในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหน่วยสนับสนุนเครื่องจักรเตรียมความพร้อม เพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์