ขณะเดียวกันรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมายังห้องประชุมพระนราภิบาล ชั้น 5ศาลากลาง จ.นราธิวาส เพื่อเข้าประชุมร่วมกับพลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูรเลขาธิการ ศอ.บต. นายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส นายไพโรจน์ จริตงาม รองผวจ.นราธิวาส นางพาตีเมาะ สะดียามู รอง ผวจ.นราธิวาส นายบุญพาศ รักนุ้ย รองผวจ.นราธิวาส นายไพศาล ขุนศรี ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายเฉลิมชัย ตรีนรินทร์ผอ.สนง.ชลประทานที่ 17 จ.นราธิวาส รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรับฟังสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุนิคมสหกรณ์บาเจาะ ต.ลุโบะบือซา อ.ยี่งอ เหตุเกิดตั้งแต่วันที่15 พ.ค. 63 ที่ผ่านมา
โดยที่ประชุม นายไพศาล ขุนศรีป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นราธิวาสได้บรรยายสรุปภาพรวมของสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุนิคสหกรณ์บาเจาะว่าภาพรวมของป่าพรุในเขตนิคมสหกรณ์บาเจาะ มีพื้นที่กว่า 80,000 ไร่โดยเป็นป่าไม้ส่วนกลางประมาณ 20 %โดยที่ผ่านมามีการกั้นลำคลองไว้เพื่อไม่ให้มีประชาชนได้เข้าไปบุกรุกในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ผ่านมามีประชาชนลักลอบเข้าไปในป่า เช่น การหาผึ้งหรือตัวต่อโดยใช้ไฟเป็นเครี่องมือซึ่งเหตุนี้จึงก่อให้เกิดเชื้อเพลิงในการเผาไหม้ป่าพรุอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี2552 เป็นต้นมา
ซึ่งการเกิดไฟไหม้ป่าพรุนั้นสามารถเกิดได้ทั้งแนวราบและแนวดิ่งและยังสามารถลงลึกไปถึงตะกอนที่ทับถมในพื้นที่พรุส่งผลให้การดับไฟพรุค่อนข้างยากพอสมควร ต้องใช้น้ำเป็นปริมาณมากและจะต้องเติมน้ำลงไปดับไฟป่ากว่า 5,000 ล้านลิตร เพื่อดับไฟป่า ขณะที่ทุกภาคส่วนบูรณาการร่วมกันเติมน้ำพร้อมทั้งผนึกกำลังทุกภาคส่วนในการช่วยกันดับไฟป่าปฏิบัติหน้าที่กันอย่างเต็มความสามารถ ซึ่งได้แบ่งชุดปฏิบัติการออกเป็น 5 ชุดโดยทำการขุดแนวกันไฟ เพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่ของประชาชนในบริเวณใกล้เคียงโดยได้มีการวางแผนการทำงาน พร้อมทั้งระดมหาวิธีการแก้ไขปัญหาดับไฟพรุจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง
ต่อจากนั้นนายนิพนธ์ รมช.มหาดไทยได้มอบแนวทางในการปฏิบัติเพื่อหาทางยุติสถานการณ์ไฟป่าให้ได้โดยเร็วเพื่อไม่ให้มีการลุกลาม ซึ่งทางจังหวัดรับไปดำเนินการตามมาตรการที่วางไว้ทั้งนี้อยู่ภายใต้การร่วมมือของทุกภาคส่วนเครื่องมือ อุปกรณ์อย่างไรก็ตามในปีต่อไปนั้นกรมชลประทานได้ตั้งแผนในการส่งน้ำในการหล่อเลี้ยงบริเวณป่าพรุแบบระยะยาวเพื่อจะช่วยกันรักษาผืนป่าแห่งนี้ให้อุดมสมบูรณ์ต่อไป