svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าว

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น หลังความต้องการใช้ฟื้นตัว และกำลังการผลิตน้ำมันดิบปรับลด

25 พฤษภาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 30-36 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 33-37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล




แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (25 29 พ.ค. 63)


ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวสูงขึ้นจากมาตรการผ่อนคลายการปิดเมืองในหลายประเทศทั่วโลก ประกอบกับตลาดยังได้รับแรงหนุนจากกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ปรับลดลงต่อเนื่อง โดยกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรมีแนวโน้มปรับตัวลดลงตามข้อตกลงร่วมกันที่ระดับ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงเดือน พ.ค. และ มิ.ย. 63 รวมทั้งกำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง  


ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ :


1.ความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาดำเนินการ หลังมีการผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองในหลายประเทศทั่วโลก โดยรายงานประจำเดือนของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์การเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันในปี 2563 จะหดตัวที่ 8.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งปรับสูงขึ้นจากคาดการณ์เดิม 690,000 บาร์เรลต่อวัน 


2.ปริมาณการใช้น้ำมันดิบของจีนในเดือน เม.ย. 63 ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังความต้องการใช้น้ำมันในประเทศปรับตัวสูงขึ้นจากมาตรการผ่อนคลายการปิดเมือง 


3.ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบโลกยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรได้ปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงร่วมกันที่ระดับ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. 63 รวมถึงการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่ได้ปรับตัวลดลงอย่างมากโดยเฉพาะการผลิตในรัฐนอร์ธ ดาโกตาและรัฐเท็กซัส 


4.ซาอุดิอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน มิ.ย. 63 นอกเหนือจากที่ได้ปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร ซึ่งคาดการณ์ว่ากำลังการผลิตของซาอุดิอาระเบียในเดือน มิ.ย. 63 จะอยู่ที่ระดับ 7.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทางด้านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และคูเวตเตรียมที่จะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก 180,000 บาร์เรลต่อวัน

 

5.ปริมาณน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับลดลงต่อเนื่อง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 15 พ.ค. 63 เฉลี่ยอยู่ที่ 11.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งลดลง 100,000 บาร์เรลต่อวัน จากสัปดาห์ก่อนหน้า และลดลง 500,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ ปรับตัวลดลง 5 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 527 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 สัปดาห์ 


6.อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปและค่าการกลั่นในสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับต่ำ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาน้ำมันดิบ ทั้งนี้ปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 พ.ค. 63 ยังปรับตัวสูงขึ้น โดยปริมาณเบนซินคงคลังปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล และปริมาณน้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยานคงคลังปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.8 ล้านบาร์เรล 


7.เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ จีดีพีไตรมาส 1/63 ของสหรัฐฯ และดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซน สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (18 22 พ.ค. 63) 


ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 3.82 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 33.25 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 2.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 35.13 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 32.64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากมาตรการผ่อนคลายการปิดเมืองของหลายประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบโลกยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรได้ปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลง รวมถึงการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับลดลงต่อเนื่อง โดยสัปดาห์ล่าสุด ปรับลดลง 35 แท่น สู่ระดับ 339 แท่น ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์  

logoline