svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

New Normal กับมหาอำนาจที่อาจจะเปลี่ยนไป!

23 พฤษภาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หลายคนมักพูดถึงการด้อยค่าของดอลลาร์สหรัฐ มากขึ้นเรื่อย ๆ อันที่จริง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะหลายปีมานี้ รัสเซีย - จีน พยายามทำธุรกิจระหว่างกันโดยการใช้เงินรูเบิล และ เงินหยวน เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงนั้นอย่างต่อเนื่อง

ย้อนไปปี 2560 รัสเซีย และ จีน กำลังมองหาการขยายข้อตกลงการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศระหว่างสกุลเงินหยวน และ สกุลเงินรูเบิล เพื่อเพิ่มมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านหยวน เป็นระยะเวลา 3 ปี และจะใช้สกุลเงินสองสกุลนี้ ในการซื้อขายในประเทศ และระหว่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น เพื่อจะลดความสำคัญของเงินดอลลาร์สหรัฐฯลง

New Normal กับมหาอำนาจที่อาจจะเปลี่ยนไป!


นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ดมิทรี เมทเดเวฟ ในสมัยนั้น ได้ให้ข้อมูลว่า "หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของทั้งสองประเทศกำลังดำเนินการเพื่อขยายข้อตกลงแลกเปลี่ยนเงินตราระดับทวิภาคีในอีกสามปีข้างหน้า"

ขณะที่ทางด้านรองนายกรัฐมนตรี รัสเซีย นายเซอเกย์ พริคโฮโค ที่รับตำแหน่งตอนนั้น ได้กล่าวว่า "ในปี 2559 ว่า ส่วนแบ่งของสกุลเงินของสองประเทศในการชำระเงินสำหรับการส่งออกสินค้าและบริการของรัสเซียเป็นร้อยละ 13 นำเข้าร้อยละ 16 ในไตรมาสแรกของปี 2560 ตัวเลขเหล่านี้เพิ่มขึ้นเป็น 16 เปอร์เซ็นต์และ 18 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ"
ทั้งจีนและรัสเซียมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมสกุลเงินของตนเองและนั่นหมายความว่าส่วนแบ่งเงินดอลลาร์มีแนวโน้มหดตัวลง

นักวิเคราะห์ทางการเงินของรัสเซียกำลังมองว่า ความจริงทางการเงินเวลานี้มันไม่ได้เป็นเพียงบ่งบอกถึงปริมาณของการทำธุรกรรมในสกุลเงินของสองประเทศ เท่านั้น แต่รัสเซียและจีนกำลังทำงานร่วมกันในข้อตกลงพหุภาคีหลายประเทศของ BRICS การค้าสกุลเงินของสองประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแนวโน้มทั่วไปที่เกิดขึ้นทั่วโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การค้าขายด้วยสกุลเงินของสองประเทศจะช่วยปกป้อง อิทธิพลจากการเงินภายนอกประเทศ หลีกเลี่ยงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และจะทำให้ช่วยลดการขาดดุล ระหว่างกันได้มากยิ่งขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินของจีน มองว่าการซื้อขายสกุลเงินของสองประเทศเป็นวิธีที่หลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกและสำหรับจีนแล้วนี่เป็นส่งเสริมเงินหยวน อีกทั้งจีนเป็นหนึ่งในผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดรัสเซีย โดยเฉพาะพลังงาน จะทำให้การซื้อขายด้วยเงินหยวนจะช่วยลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสิ้นเชิง
ขณะที่ทางด้าน ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การทำ de-dollarization เป็นกระบวนการที่ยาวนานและสร้างเจ็บปวดให้กับจีน และ รัสเซีย มานาน ซึ่งที่ผ่านมานั้น รัสเซีย และ จีน จึงได้พยายามที่จะถอยออกมาจากการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าขาย แต่นี้เป็นกระบวนการที่อาจจะต้องใช้เวลา 15 ถึง 20 ปี ในขณะที่ที่เศรษฐกิจของจีน ที่ผ่านมานั้นขึ้นอยู่กับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และทุนสำรองเงินตราของจีนมีมูลค่ามากกว่า 3 ล้านล้านเหรียญในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 โดยแต่ละครัวเรือนชาวจีนถือครองพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯได้ถึง 2,000 ดอลลาร์ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มันไม่น่าเป็นไปได้ว่าจีนจะยกเลิกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ทันที แต่ต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลง

New Normal กับมหาอำนาจที่อาจจะเปลี่ยนไป!

ในขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดของโลกในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ เกือบ 43% ขณะที่หยวนมีมูลค่าไม่ถึง 2% จีนได้พัฒนาระบบการชำระเงินเรียกว่า CIPS สำหรับการชำระเงินข้ามพรมแดนกับหยวนเพื่อส่งเสริมสกุลเงินในฐานะเครื่องมือทางการเงินระดับโลก
ซึ่งนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น แต่เราก็จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่จีนกับรัสเซีย ได้ร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น หลังจากนี้ โดยเฉพาะการกลับมาฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราจะเห็นอะไรหลายอย่างที่เรียกกันว่า New Normal และหนึ่งในนั้น เราอาจจะเห็นมหาอำนาจที่เปลี่ยนไป

New Normal กับมหาอำนาจที่อาจจะเปลี่ยนไป!

logoline