svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

สธ.เผยผลสอบสวนโรค 2 ผู้ติดเชื้อ ประชาชื่น และชัยภูมิ

22 พฤษภาคม 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สธ. เผยผลสอบสวนโรคผู้ป่วย 2 รายที่ติดเชื้อในประเทศ พบชายไทยวัย 72 ปี มีโอกาสได้รับเชื้อจากโรงพยาบาล ส่วนชายต่างชาติที่ จ.ชัยภูมิ ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และมีประวัติเสี่ยงเดินทางไปหลายพื้นที่ ส่วนผลสำรวจหลังผ่อนปรนระยะที่ 2 พบประชาชนเริ่มการ์ดตก ไม่เว้นระยะห่าง เสี่ยงต่อการเกิดโรคระลอกใหม่

วันนี้ (22 พ.ค.) ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้มีผู้ป่วยรายใหม่ 0 ราย กลับบ้านเพิ่ม 13 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 71 ราย กลับบ้านสะสม 2,910 ราย มีผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 3,037 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต 
ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนโรคผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 2 รายที่รายงานเมื่อวันที่ 21 พ.ค.63 ไม่มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้า แต่เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ โดย 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 72 ปี รักษาอยู่ใน กทม. มีประวัติไปโรงพยาบาล และร้านตัดผมย่านประชาชื่น หลังจากนั้นมีอาการไข้ ไอ จาม มีเสมหะ จากการสอบสวนโรคเพิ่มเติมพบว่า ผู้ป่วยรายนี้ป้องกันตัวได้ดีมาก มีการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะที่ทีมสอบสวนโรคลงพื้นที่ตรวจสอบร้านตัดผมแล้วพบว่า ระหว่างชายคนนี้เข้าใช้บริการ ไม่มีลูกค้ารายอื่นอยู่ภายในร้าน ทั้งนี้ยังต้องกักตัวพนักงานของร้านเพื่อเฝ้าดูอาการ 14 วัน แต่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์เสี่ยงต่ำ เนื่องจากพนักงานสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ผู้ป่วยรายนี้เข้าใช้บริการ ส่วนสมาชิกในครอบครัว 4 คน อยู่ระหว่างรอผลตรวจ ซึ่งจะออกมาในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ผู้ป่วยรายนี้ได้รับเชื้อจากที่ใดอยู่ระหว่างสอบสวน แต่เบื้องต้นเคยไปรักษาตัวที่รพ. จึงมีโอกาสได้รับเชื้อจากโรงพยาบาล 

ส่วนรายที่ 2 ชายชาวเยอรมัน อายุ 42 ปี มีประวัติเดินทางไปจังหวัดชัยภูมิ และไปห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่จังหวัดชัยภูมิ จากการสอบสวนโรคพบว่าผู้ป่วยรายนี้อยู่ในเมืองไทยตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยสวมหน้ากากผ้าเป็นบางครั้งแต่ไม่สม่ำเสมอ ส่วนพฤติกรรมอื่นๆทั้งการล้างมือ รักษาระยะห่าง ต้องไปสอบสวนโรคเพิ่มเติมว่า ปฏิบัติตัวเหมือนคนไทยหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีประวัติเดินทางไปหลายที่ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวม ทั้งนี้ จ.ชัยภูมิ เคยมีผู้ติดเชื้อ 3 รายในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. อาจเป็นไปได้ว่ามีผู้ป่วยหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ ส่วนภรรยาและลูกผลตรวจออกแล้วไม่พบเชื้อ ทั้งนี้ทีมสอบสวนโรคอยู่ระหว่างติดตามบุคคลใกล้ชิดทุกคน
สำหรับมาตรการผ่อนปรนเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคอีกรอบหรือไม่นั้น ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไปบอกว่า หลังจากสถานที่ต่างๆเปิดกิจการพบว่า มีประชาชนแห่ไปใช้บริการจำนวนมากโดยไม่เว้นระยะห่าง มองข้ามความปลอดภัย ทั้งนี้ความเสี่ยงขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของประชาชน หากสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และรักษาระยะห่างอยู่ตลอดเวลา จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคระลอกใหม่ได้
ทั้งนี้ มีผลสำรวจพบว่า คนไทยสวมใส่หน้ากากอนามัยและใช้เจลล้างมือมากที่สุด ส่วนการเฝ้าระวังโรคในช่วงฤดูฝนพบว่า หลังการรณรงค์ให้สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ทำให้จำนวนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคทางเดินหายใจลดลงจากช่วงฤดูฝนของปีก่อน ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขยังได้จัดหาวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สำหรับ 7 กลุ่มเสี่ยง ประกอบด้วย หญิงตั้งครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป / ผู้มีโรคเรื้อรัง เช่นหัวใจ ไตวาย ปอด เบาหวาน มะเร็ง หลอดเลือดสมอง / ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป / เด็ก 6 เดือนถึง 2 ขวบ / ผู้พิการทางสมอง / ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง / และโรคอ้วนน้ำหนักเกิน ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงเดียวกับโรคโควิด-19 โดยสามารถรับวัคซีนได้ที่สำนักงานสาธารณสุขใกล้บ้าน

logoline