นายกฯขอบคุณจนท.ทุกส่วนขอคำนึงประโยชน์ ปท.-ปชช.
"นายกรัฐมนตรี" ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ขอให้คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก พร้อมย้ำหากสถานการณ์โควิดดีขึ้น จะให้กลับมาเรียนตามปกติ และฝากพิจารณาแผนฟื้นฟูภาคท่องเที่ยว-อุตสาหกรรม-สาธารณสุข หลังพ้นวิกฤต
(19 พฤษภาคม 2563) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนและทุกภาคส่วน ทั้งเรื่องของการแก้ไขปัญหาโควิด -19 และการให้ความช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งขอให้คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติเป็นหลัก ทั้งนี้ นายกฯยังได้แสดงความห่วงใยถึงสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน และบุคลากรในหน่วยงาน โดยได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ลงพื้นที่ตรวจสอบพิจารณาหาแนวทางให้ความช่วยเหลือ ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้มีสภาพที่ดีขึ้น สำหรับการศึกษาออนไลน์ยังมีประชาชนสับสนถึงวิธีการนั้น นายกรัฐมนตรี ขอให้ทำความเข้าใจกับประชาชนว่าเป็นเพียงวิธีการศึกษาชั่วคราวในช่วงนี้เท่านั้น หากสถานการณ์โควิด -19 เริ่มคลี่คลายขึ้น จะกลับมาทำการเรียนการสอนแบบปกติต่อไป โดยมอบหมายให้ ศบค. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะมีวัคซีนป้องกันทั้งนี้ ขอให้รักษาระยะห่างทางสังคมต่อไปอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในห้างร้าน สถานประกอบการต่างๆ รวมถึงสถานที่ราชการ และธนาคาร ขอให้เจ้าหน้าที่ดูแลให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคม เน้นย้ำให้ประชาชนมีวินัย ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ ส่วนมาตรการปลดล็อคระยะที่ 3 จะพิจารณาปลดล็อคกิจกรรม รวมถึงกิจการบางประเภทอย่างเหมาะสมต่อไป พร้อมฝากให้พิจารณาแผนฟื้นฟูภาคท่องเที่ยว ภาคอุตสาหกรรม และภาคสาธารณสุขหลังจากพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีสำนักข่าว U.S.News & World Report จากสหรัฐอเมริกา ที่เผยแพร่ผลการจัดอันดับประเทศที่เหมาะสมการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลกประจำปี 2563 หรือ Best Countries to Start a Business 2020 ซึ่งพบว่าประเทศไทย ติดอันดับ 1 ของโลก เป็นประเทศที่ดีสุดในการเริ่มต้นธุรกิจจากทั้งหมด 73 ประเทศ ว่า ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ในส่วนของการยกเลิกสารพิษ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องพิจารณาสารทดแทน และการนำเข้า กำชับให้พิจารณาทุกอย่างให้รอบคอบ ไม่ให้เกิดผลกระทบตามมา สำหรับกรณีประชาชนออกมารวมกลุ่มต่อต้านโครงการต้นแบบอุตสาหกรรมจะนะ จังหวัดสงขลา ต้องพิจารณาให้รอบคอบถึงผลกระทบ และประโยชน์ต่อส่วนร่วมเป็นหลัก ขอให้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนด้วย
สำหรับการศึกษาออนไลน์ที่ยังมีประชาชนสับสนถึงวิธีการนั้น นายกฯขอให้ทำความเข้าใจกับประชาชนว่าเป็นเพียงวิธีการศึกษาชั่วคราวในช่วงนี้เท่านั้น หากสถานการณ์โควิด -19 เริ่มคลี่คลาย ก็จะกลับมาทำการเรียนการสอนแบบปกติต่อไป โดยมอบหมายให้ ศบค. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะมีวัคซีนป้องกัน และขอให้รักษาระยะห่างทางสังคมต่อไปอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในห้างร้าน สถานประกอบการต่างๆ รวมถึงสถานที่ราชการ และธนาคาร
"ขอให้เจ้าหน้าที่ดูแลให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคม เน้นย้ำให้ประชาชนมีวินัย ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ ส่วนมาตรการปลดล็อคระยะที่ 3 จะพิจารณาปลดล็อคกิจกรรม รวมถึงกิจการบางประเภทอย่างเหมาะสมต่อไป พร้อมฝากให้พิจารณาแผนฟื้นฟูภาคท่องเที่ยว ภาคอุตสาหกรรม และภาคสาธารณสุขหลังจากพ้นวิกฤตการแพร่ระบาด"โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุ
ขณะเดียวกัน นายกฯยังกล่าวถึงกรณีสำนักข่าว U.S.News & World Report จากสหรัฐอเมริกา ที่เผยแพร่ผลการจัดอันดับประเทศที่เหมาะสม การเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลกประจำปี 2563 หรือ Best Countries to Start a Business 2020 ซึ่งพบว่าประเทศไทย ติดอันดับ 1 ของโลก เป็นประเทศที่ดีสุดในการเริ่มต้นธุรกิจจากทั้งหมด 73 ประเทศ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ในส่วนของการยกเลิกสารพิษนั้น นายกฯได้สั่งการให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องพิจารณาสารทดแทน และการนำเข้า พร้อมกำชับให้พิจารณาทุกอย่างให้รอบคอบ ไม่ให้เกิดผลกระทบตามมา สำหรับกรณีประชาชนออกมารวมกลุ่มต่อต้านโครงการต้นแบบอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา ต้องพิจารณาให้รอบคอบถึงผลกระทบ และประโยชน์ต่อส่วนร่วมเป็นหลัก ขอให้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนด้วย