พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามีปัญหาฟื้นฟู ที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ เนื่องจากมีข้อกฎหมายหลายประการ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.แรงงาน และ พ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจ ซึ่งทำให้วันนี้ จำเป็นต้องหามาตรการที่เหมาะสม โดยได้มีการพิจารณาร่วมกันทั้ง คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และ ครม. แล้ว ซึ่งทุกคนตัดสินใจจะเลือกเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของศาล เพราะเป็นทางปฎิบัติที่ดีที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า การดำเนินการจากนี้ ยังมีอีกหลายขั้นตอน เพื่อแก้ปัญหาภายในองค์กร รวมถึงเรื่องการประกอบธุรกิจต่อไป เพื่อให้ฟื้นฟูขึ้นมา อย่างที่ทุกคนคาดหวังไว้ ขณะเดียวกัน ได้ฝากแง่คิดว่า เรามีการบินไทย ไว้เพื่ออะไร และการบินไทย ควรเป็นองค์กรสร้างชื่อ รายได้ ให้คนไทย รวมถึงการบินไทย ควรมีความสามารถในการแข่งขัน และจะเข้มแข็งด้วยตัวเองได้อย่างไร
"วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องกล้านำการบินไทยเข้าสู่แผนฟื้นฟู ซึ่งการตัดสินใจยืนยันว่าได้มีการหารืออย่างรัดกุมในรายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เจอปัญหาโควิด-19 ที่ส่งผลต่อรายได้ จึงจำเป็นต้องรักษาเงินตราของประเทศเอาไว้ เพื่อเอาไว้ช่วยเหลือประชาชนทุกภาคส่วน"นายกฯ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้สามารถควบคุมสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไว้ได้ดีระดับหนึ่งแล้ว แต่ส่วนตัวขอเน้นย้ำว่าปัญหาโควิด-19 จะยังไม่จบแค่นี้ เพราะปัญหาหนักกว่าที่รัฐบาลกำลังแก้ปัญหา คือ เศรษฐกิจ โดยยอมรับไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ประชาชนจะกลับมาประกอบอาชีพสร้างรายได้เหมือนปกติ ซึ่งคือวิกฤติเศรษฐกิจที่จะทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องพิจารณาใช้งบประมาณให้ถี่ถ้วน และมองทุกมิติ
นายกฯ ยืนยันว่า ที่ตัดสินใจนำการบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู โดยไม่ปล่อยให้ล้มละลาย ซึ่งจะทำให้พนักงานกว่า 2 หมื่นคน ถูกลอยแพ เพราะทุกคน คงไม่อยากเห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ฉะนั้น รัฐบาลสนับสนุนทุกกระบวนการอย่างเต็มที่ แม้จะไม่ได้รับเงินจากรัฐบาล ส่วนกระบวนการต่อไป ศาลก็จะมีการพิจารณาแต่งตั้งมืออาชีพ เข้าไปบริหาร เพื่อฟื้นฟูการบินไทย รวมถึงการปรับโครงสร้างการบินไทย ที่ควรสำเร็จไปนานแล้ว ก็จะเกิดขึ้นได้ด้วย