ผมเห็นด้วยกับกับการฟื้นฟูการบินไทยให้เป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ แต่หากจำเป็นต้องอุ้มด้วยเงินภาษีข้อแลกเปลี่ยนคือ
1. การบินไทยต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
2. ผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้เดิมต้องแบ่งรับภาระความเสียหายเงินภาษีที่จะใช้ต้องมีสิทธิเหนือเงินส่วนอื่นทั้งหมดในบริษัท
ก่อนโควิดการบินไทยก็มีสถานะทางการเงินที่ร่อแร่อยู่แล้วขาดทุนปีละกว่าหมื่นล้านทั้งๆที่ตั๋วโดยสารแพงกว่าคนอื่นแถมอัตราผู้โดยสารก็อยู่ในเกณฑ์ดีส่วนหนึ่งเป็นเพราะมาตรฐานบริการที่ดีแต่เมื่อโลกมีวิกฤตเราต้องวิเคราะห์กันต่อว่าหลังโควิดจะเป็นอย่างไร?จำนวนผู้โดยสารจะลดลงเท่าไรและบริษัทจะต้องปรับลดค่าใช้จ่ายอย่างไรถึงจะอยู่รอดลำพังเพียงการบริการที่ดีไม่สามารถช่วยบริษัทได้แต่ต้องมีระบบบริหารที่มีประสิทธิภาพด้วย
คงไม่มีใครให้เงินเฉยๆไม่ว่าจะเป็นในรูปของหุ้นเงินกู้หรือการค้ำประกันเงินกู้(โดยเฉพาะถ้าเงินนั้นเป็นเงินภาษีประชาชน)ทางIATA ประมาณการณ์ว่ารายได้ธุรกิจการบินทั่วโลกจะลดลง55%ในปี2020 และจะใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะฟื้นและล่าสุดสายการบินBritishAirways ประกาศลดพนักงาน 12,000คนหรือ30% ของพนักงานทั้งหมดส่วนSAS มีแผนลดพนักงาน5,000 คน
ท่านนายกฯบอกว่าการอุ้มครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ผมมองน่าจะเป็นเพราะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์แนวคิดที่จะคำ้ประกันเงินกู้50,000ล้านอย่างกว้างขวางซึ่งหากท่านนายกฯจะช่วยจริงท่านควรต้องยืนยันชัดๆให้ผู้บริหารผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ทุกคนมีส่วนช่วยลดภาระของบริษัทลงด้วย
ท่านนายกฯคงทราบดีว่าปัจจุบันการบินไทยมีค่าใช้จ่ายอยู่เดือนละกว่า1หมื่นล้าน(โดยไม่มีรายได้)ดังนั้นหากไม่สามารถกลับมาสร้างรายได้โดยเร็วหากไม่มีการปรับโครงสร้างทุนและหนี้สินของบริษัทวงเงิน50,000ล้านนี้ไม่นานก็หมดซึ่งก็จะกลายเป็นการสูญเสียเพิ่มเติมของรัฐอย่างสูญเปล่า
ท่านนายกฯได้รับรู้ปัญหาการบินไทยมา 5ปีแล้ว ท่านได้ตั้งคณะกรรมการซูเปอร์บอร์ดขึ้นมาเพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูการบินไทยและรัฐวิสาหกิจอื่นๆแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นคณะนี้ยังแทบไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถเลยด้วยซ้ำไป
ครั้งสุดท้าย นี้จะมีอะไรแตกต่างอย่างไรครับ?คนไทยมีสิทธิได้รับคำชี้แจงว่าท่านนายกฯมีแผนอะไรที่จะทำให้การบินไทยดีขึ้นได้จริงเราทุกคนเฝ้ารอเพื่อเอาใจช่วย"การบินไทย"ในฐานะลูกค้าที่ซื่อสัตย์แต่ในฐานะผู้เสียภาษีหากไม่มีความชัดเจนว่าการบินไทยจะฟื้นฟูอย่างไรรัฐบาลก็ไม่ควรเข้าไปแบกภาระเพิ่มเติม
ที่มาข้อมูล เพจเฟซบุ๊ก - KornChatikavanij