ห่วง!"จุลพันธ์"หวั่นธปท.เอื้อเอกชนหลังเป็นตัวกลางอุ้มศก.ชาติ

(1 เมษายน 2563) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ออกร่างพ.ร.ก.ให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ (ธปท.) เพื่อออกพ.ร.ก 2 ฉบับ ในการให้อำนาจ ธปท. เข้าไปจัดสรรเงินจำนวน 5 แสนล้านบาท เพื่อช่วยสภาพคล่องของวิสาหกิจเอกชนขนาดกลางและขนาดย่อม โดยพ.ร.ก.กู้เงินของกระทรวงการคลัง 1 ฉบับ และ พ.ร.ก.ให้อำนาจ ธปท. ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษ หรือ soft loan 2 ฉบับ พร้อมกับมาตรการเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระยะที่ 3 จำนวน 3 กลุ่มรัฐบาลออกพระราชกำหนดให้ธนาคาร
ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นด้วยที่จะช่วยเหลือเอกชนรายใหญ่ ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่อาจมีปัญหาเกี่ยวกับกระแสเงินสด ดังนั้น การเข้าไปให้ความช่วยเหลือจึงเป็นทางเลือกที่ดี เพราะหากกลุ่มเอกชนซึ่งมีรากฐานดีล้ม หรือมีปัญหาก็จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจในวงกว้าง กระทบกับเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือการที่ให้ธปท. เป็นตัวกลางในการดำเนินการอาจจะไม่เกิดความเป็นกลาง และกังวลว่าอาจเกิดข้อครหา ในเรื่องของการเอื้อเอกชนบางราย เป็นการเฉพาะได้ และจะส่งผลกระทบกับระบบการเงินการธนาคารทั้งหมด ดังเช่นที่เคยเกิดมาในอดีต
"รัฐบาลใช้เวลาน้อยมากในการออกมาตรการอุ้มภาคธุรกิจในวงเงินหลายแสนล้านบาท ผิดกับการให้ความช่วยเหลือประชาชนจำนวนคนล่ะ 5,000 บาท มีตรวจสอบหลายขั้นตอนมาก กว่าประชาชนจะได้รับการเยียวยาจากรัฐเป็นไปด้วยความยากลำบาก จนหลายคนต้องฆ่าตัวตายเพราะรอไม่ไหว เหมือนรัฐไม่อยากจะช่วยเหลือประชาชน ต่างจากภาคเอกชนที่รัฐพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ในการช่วยเหลือกลุ่มเจ้าสัว"นายจุลพันธ์ กล่าว