จากกรณีที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงถึงมาตรการผ่อนปรนในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ว่า หลังจากได้มีการขยายระยะเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปเป็นระยะ 1 เดือน จนขณะนี้สถานการณ์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทาง ศบค.จึงได้ออกมาตรการผ่อนปรน ซึ่งทางศบค.จะเป็นผู้กำหนดมตรการผ่อนปรนโดยกำหนดมาตรฐานกลางให้ยึดถือปฏิบัติให้ผู้ว่าแต่ละจังหวัดกำหนดรายละเอียดต่อไป
สำหรับ 6 กลุ่มกิจกรรม ที่มีมาตรการผ่อนคลายและสามารถดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.นี้ ประกอบด้วย
1. ตลาด ได้แก่ ตลาดสด ตลาดนัด ตลาดน้ำ ตลาดชุมชน ถนนคนเดิน แผงลอย
2. ร้านจำหน่ายอาหาร (ยกเว้นร้านอาหารในห้าง) ได้แก่ ร้านอาหารทั่วไป ร้านเครื่องดื่ม ขนมหวาน ร้านอาหารริมทาง รถเข็น และหาบเร่
3. กิจการค้าปลีก-ส่ง ได้แก่ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ
4. กีฬาสันทนาการ ได้แก่ กิจกรรมในสวนสาธารณะ เช่น เต้นรำไทเก็ก สนามกีฬากลางแจ้ง ที่เป็นที่ออกกำลังกายไม่ได้เล่นเป็นทีม และไม่มีการแข่งขัน เช่น เทนนิส ยิงปืน ยิงธนู จักรยาน
5. ร้านตัดผม (เฉพาะ ตัด สระ ไดร์ผม)
6. อื่นๆ เช่นร้านตัดขนสัตว์ ร้านรับฝากเลี้ยงสัตว์โดย นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ร้านที่สามารถเปิดขายได้ในวันที่ 3 มิ.ย.ได้แก่ ร้านค้าหาบเร่ แผงลอย ที่ขายสินค้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นขายอาหาร ขายเสื้อผ้า และอื่น ๆแต่ต้องทิ้งระยะห่างแต่ละร้านไม่ต่ำกว่า 1 เมตร ทั้งคนซื้อและคนขายต้องใส่หน้ากากอนามัย อาจมีเจลล้างมือไว้บริการด้วยก็ได้
ส่วนประเภทร้านอาหารที่ให้เปิดนั้น ต้องเป็นร้านอาหารทั่วไป หรือเป็นห้องแถวไม่เกิน 2 คูหา ตามข้อกำหนดของกระทรวงพาณิชย์
ร้านอาหารใหญ่ ๆ หรือร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ยังไม่ให้เปิด (ปัจจุบันให้บริการแบบซื้อกลับบ้านเท่านั้น)
โดยหากเป็นร้านไม่เกิน 2 คูหา แต่เป็นร้านติดแอร์ ก็ต้องมีพัดลมดูดอากาศออกด้วย ส่วนการกินอาหารก็ต้องทิ้งระยะห่าง 1 เมตร และแนะนำให้ซื้อกลับบ้านมากกว่า
ร้านสุกี้-ชาบู เปิดได้ แต่ต้องเป็นร้านไม่เกิน 2 คู่ ลูกค้านั่งห่างกัน 1 เมตร เท่ากับ 1 โต๊ะ 1 คน 1 หม้อ