"เต่าตนุ" วางไข่บนหาดสมุยอีกครั้ง หลังห่างหายไปนานถึง 6 ปี

วันที่ 29 เม.ย.2563 พนักงานของโรงแรมบันยันทรี สมุย ตั้งอยู่ที่ ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ช่วยกันขุดทรายรื้อไข่เต่าตนุรังที่ 3 เพื่อตรวจสอบว่ายังคงมีลูกเต่าตนุหลงเหลืออยู่ในรังอีกหรือไม่ หลังจากที่ไข่เต่ารังนี้ได้มีการฟักตัวออกมาเป็นลูกเต่าแล้วได้คลานลงทะเลไปแล้วเมื่อวันที่ 22 เม.ย.2563 ที่ผ่านมาจำนวน 51 ตัว ผ่านมาจนถึงวันที่ 28 เม.ย.2563 ก็ไม่พบลูกเต่ารังที่ 3 ฟักตัวออกมาอีกเลย ทางพนักงานของโรงแรมที่ดูแลไข่เต่าที่ฟักจึงได้ปรึกษากับทางนายสัตวแพทย์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร เพื่อจะทำการรื้อสำรวจไข่เต่าตนุในรังที่ 3 นี้ ว่ายังมีลูกเต่าหลงเหลืออยู่ในรังอีกหรือไม่ หลังจากที่ลูกเต่าส่วนหนึ่งได้ฟังตัวออกไปแล้วก่อนหน้านี้
จากการรื้อสำรวจก็พบว่ายังคงมีลูกเต่าที่ฟักตัวออกมาแล้วฝั่งตัวอยู่ในรังอีกจำนวน 2 ตัว ทางพนักงานจึงได้ปล่อยให้เต่าคลานลงไปในทะเลตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังพบไข่เต่าตนุ ที่ไม่มีการฟักตัวอีกจำนวนหนึ่ง โดยทางพนักงานโรงแรมผู้ดูแลได้นำไฟส่องไข่เต่าทุกฟอง แต่ไม่พบว่ามีลูกเต่าอยู่ในไข่เต่าแล้ว ทางพนักงานจะนำไข่เต่าตนุที่ไม่มีการฟักตัวรวมถึงเปลือกไข่เต่าที่ฟักออกไปแล้ว รวบรวมส่งให้กับทางนายสัวต์แพทย์ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง เพื่อได้ตรวจสอบเก็บเป็นข้อมูลต่อไป

ขณะที่ทางด้าน นายอรพล เหงี่ยมไพศาล ประธานชมรมประมงพื้นบ้านละไม เปิดเผยว่าตนเองรู้สึกดีใจมาก ที่มีเต่าตนุกลับขึ้นมาว่างไข่บนชายหาดบนเกาะสมุยอีกครั้ง หลังไม่เต่าตนุขึ้นมาวางไข่บนเกาะสมุยเลยเป็นเวลานานถึง 6 ปีแล้ว ซึ่งการขึ้นมาวางไข่ของเต่าตนุในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นความสมบูรณ์ของใต้ท้องทะเลของเกาะสมุย และใต้ท้องทะเลอ่าวไทย จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันดูแล และช่วยกันอนุรักษ์เต่าทะเล ร่วมถึงช่วยกันรักษาความสะอาดใต้ท้อง ไม่ทิ้งขยะลงไปในทะเล เพื่อให้ท้องทะเลได้มีความสมบูรณ์ และรู้สึกดีใจที่ทางผู้ประกอบการโรงแรมบนเกาะสมุย ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษา สัวต์ทะเลอย่างเต่าตนุ ร่วมถึงการดูแลระบบนิเวศทางธรรมชาติใต้ท้องทะเล ให้เกิดความอุดมสมบูรณ์


ส่วนทางด้าน น.ส.เทพสุดา ลอยจิ้ว ตำแหน่ง CSR manager โรงแรมบันยันทรี สมุย ซึ่งเป็นผู้ดูแลไข่เต่าตนุที่ขึ้นมาวางใข่ที่บริเวณชายหาดของโรงแรมในครั้งนี้เปิดเผยว่า ครั้งแรกที่เจอเต่าขึ้นมาวางไข่ พนักของโรงแรมที่ดูแลชายหาด พบรอยของเต่าครั้งแรกเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 13 กุมพาพันธ์ 2563 จึงได้ย้อนไปตรวจสอบกล้วงจรปิดดู ก็พบภาพเต่าตนุเพศเมีย อายุประมาณ 20-25 ปี น้ำหนักประมาณ 100-120 ก.ก. คลานขึ้นมาจากทะเลและวางไข่บริเวณริมชายหาดของโรงแรมในช่วงเวลา 23.00 น. ของคืนวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563
ตนจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง โดยทางเจ้าหน้าที่หลังได้รับทราบข้อมูล ก็ได้เดินทางมาตรวจสอบ ยืนยันว่าเป็นการขึ้นมาวางไข่ของแม่เต่าตนุ โดยแม่เต่าตนุตัวนี้ได้ขึ้นมาวางไขบริเวณชายหาดแห่งนี้ตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 ถึง 5 ครั้งด้วยกัน โดยการวางไข่แต่ละครั้งจะมีการวางไข่กระจายไปตามจุดต่างๆของชายหาด ซึ่งแต่ละจุดจะไม่ห่างกันมากนัก โดยไข่เต่าตนุที่วางไข่ไว้รังที่ 1 รังที่ 2 และรังที่ 3 ลูกเต่าได้มีการฟักตัวรอดชีวิตออกไปสู่ทะเลแล้วทั้งสิ้นรวมกันจำนวน 202 ตัว ยังคงเหลือไข่เต่าตนุที่ยังคงรอการฟักตัวอีก 2 รัง คือรังที่ 4 และรังที่ 5 ซึ่งคาดจะครบกำหนดการฟักตัวออกมาในช่วงประมาณกลางเดือนเมษายน 2563 นี้

ซึ่งทางด้าน น.ส.เทพสุดา ผู้ที่ดูแลไข่เต่า เปิดเผยอีกว่าจากข้อมูลพบว่าในพื้นที่ อ.เกาะสมุย ได้มีชาวบ้านพบเต่าขึ้นมาวางไข่ครั้งสุดท้าย เมื่อปี 2557 หรือเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา วางไข่ที่ชายหาดเฉวงน้อย ต.บ่อผุด ส่วนบริเวณที่เต่าตนุตัวนี้ขึ้นมาวางไข่ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นบริเวณริมชายหาดหน้าโรงแรมบันยันทรีแห่งนี้ จากข้อมูลพบว่าตั้งแต่โรงแรมเปิดให้บริการมาเป็นเวลา 10 ปี ก็ไม่เคยพบเต่าขึ้นมาวางไข่มาก่อนเลย ครั้งนี้เป็นที่เต่าขึ้นมาวางไข่
โดยทางโรงแรมเองก็ให้ความสำคัญในการที่จะดูแล ให้ไข่เต่าทั้ง 5 รัง ที่แม่เต่าตนุขึ้นมาวางไข่เป็นอย่างดี โดยได้ทำรั่วไม้ไผ่กั้นล้อมรอบรังไข่เต่าเอาไว้ เพื่อไม่ให้สัตวนักล่า เช่าตัวเงินตัวทอง มาขุดไข่เต่าไปกิน นอกจากนี้ก็ยังได้มีการเก็บข้อมูลของการฟัก และจำนวนลูกเต่าที่ฟักออกสู่ทะเลทั้งหมด ร่วมทั้งประสานข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่นายสัตวแพทย์ เพื่อดูแลและปฏิบัติตามทุกขั้นตอนตามที่ทางเจ้าหน้าที่แนะนำ เพื่อต้องการให้ลูกเต่าได้ปล่อยภัยและได้กลับคืนสู่ทะเลให้มากที่สุด
ขณะเดี่ยวกันก็อยากแนะถึงผู้ที่พบเห็นเต่าที่ขึ้นมาวางไข่บริเวณริมชายหาด ไม่ควรไปรบกวนเต่า หากพบเห็นก็ให้รีบแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบ เพื่อจะได้ช่วยกันดูแลให้ลูกเต่าได้รอดกลับคืนสู่ทะเลให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เต่าทะเลซึ่งเป็นสัตว์คุ้มครอง ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ได้มีจำนวนปริมาณเพิ่มขึ้นในท้องทะเล
เรื่อง-ภาพโดย : สมเกียรติ รักษามั่น