ไทยพบติดโควิด-19 เพิ่ม 7 ราย ดับเพิ่ม 2 ราย

วันนี้ (28 เม.ย. 63) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า พบผู้ป่วยติดโควิด-19เพิ่ม 7 ราย รวมยอดสะสม 2,938 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวมยอดเสียชีวิตอยู่ที่ 54 ราย รักษาหาย 43 ราย ผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านเเล้ว 2,652 ราย

ผู้เสียชีวิตคนที่ 53 เป็นหญิงไทย อายุ 63 ปี อาชีพค้าขาย เป็นเจ้าของร้านอาหาร ทำหน้าที่รับเงิน มีภาวะอ้วน มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันคือสามี-หลานสาว เข้ารักษา รพ.ในภูเก็ต ด้วยอาการไข้ ต่อมาอาการแย่ลง เสียชีวิตด้วยภาวะปอดอักเสบติดเชื้อร่วมกับระบบทางเดินหายใจล้มเหลว
อีกรายเป็นชายอายุ 52 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว สัมผัสผู้ป่วยยืนยันจากการไปประชุม เริ่มป่วย 19 มี.ค. เข้ารักษาที่ รพ.ในกทม. อาการแย่ลง มีภาวะปอดรั่ว เสียชีวิตวันที่ 27 เม.ย. ด้วยระบบทางเดินหายใจล้มเหลว,ไตวายเฉียบพลัน

ส่วนคนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศในทางผ่านจุดผ่านแดนทางบกมีการลงทะเบียนเป็นทั้งสิ้น 370 คน และเข้ามาแล้ว 332 คน แบ่งเป็นเมียนมาร์ 14 คน มาเลเซีย 303 คน เป็นผู้ลงทะเบียน 275 คน และไม่ลงทะเบียน 28 คนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 8 คนและกัมพูชา 7 คนส่วนกรณีที่ผู้กระทำความผิดความฝืนการประกาศพ.ร.ก. ฉุกเฉินและประกาศห้ามออกนอกเคหสถานในเวลา 22.00 -04.00 น พบผู้กระทำความผิด ฝากเปิดออกนอกเคหสถานทั้งสิ้น 461 คนแบ่งเป็นตักเตือนไป 77 คนและดำเนินคดี 384 คดี 
ส่วนการมั่วสุมชุมนุมพบผู้กระทำความผิด 143 คนเป็นการดำเนินคดีทั้งหมดกรณีตัวเลขผู้ติดเชื้อในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็น 0 ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือไม่ นายแพทย์ทวีศิลป์ระบุว่า แม้ตัวเลขจะลดลง แต่ไม่สามารถไว้วางใจได้ ต้องขึ้นอยู่กับวิธีการที่จะค้นหาให้เจอจำนวนผู้ติดเชื้อ ไม่ใช่ว่าเชื้อจะหายไปแต่ต้องหาคนที่มีความเสี่ยงเข้ามาตรวจให้ได้มากที่สุด การที่จะวางใจใช้ชีวิตเหมือนเดิม มีทางเดียวคือต้องมีวัคซีน หรือยารักษาให้หาย แต่ขณะนี้ยังไม่มี

ฉะนั้นเราจะต้องอยู่กับเชื้อโรค และไม่รู้อยู่กับใครจะต้องรู้จักป้องกันตัวเองไม่ให้ติดโรค เพราะฉะนั้นวันนี้จะต้องมีการเข้มในการป้องกันควบคุมอย่างดีเพื่อตัวเลขต่อจากนี้ใน 14 วันข้างหน้า
หากทำวันนี้ ก็จะได้ตัวเลขเช่นนี้ แต่หากไม่ทำตัวเหมือนที่ผ่านมาปล่อยปละละเลยตัวเลขก็จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนด้านมาตรการช่วยเหลือคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับจากต่างประเทศ และซื้อตั๋วเครื่องบินไว้ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ว่า หากมีภารกิจจำเป็นเร่งด่วน ไทยมีสถานกงสุล หรือเอกอัครราชทูตประจำประเทศต่างๆ ขอให้ลงทะเบียนหรือร้องขอความช่วยเหลือ ผ่านสถานทูตได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในสถานทูตจะเป็นผู้รับเรื่องและจัดลำดับความสำคัญ โดยอาจจะมีการมอบถุงยังชีพ แต่หากต้องการกลับจะเกิดกระบวนการพากลับเกิดขึ้นตามเวลาที่เหมาะสม