svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ศบค. เผย 2 ข้อสำคัญ! ถ้าประเทศจะกลับสู่ภาวะปกติ

26 เมษายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศบค. แถลงพบยอดผู้ป่วยรายใหม่ 15 ราย รวมยอดสะสม 2,922 ราย ส่วนที่ศูนย์กักคนเข้าเมืองสะเดา ยังไม่พบผู้ป่วย พร้อมย้ำถ้าจะกลับไปสู่ภาวะปกติ ยังใช้เวลาอีกพอสมควร จึงขอให้ปรับพฤติกรรม ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์โควิดไปก่อน

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประจำวันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2563 มีผู้ป่วยรายใหม่ยืนยัน 15 ราย รวมยอดสะสม 2,922 ราย หายดีแล้ว 2,594 ราย และวันนี้ไม่พบผู้เสียชีวิต ยอดสะสมคงที่ 51 ราย ใน 68 จังหวัด ทั้งนี้กลุ่มอายุ พี่พบผู้ป่วยมากที่สุดอยู่ระหว่าง 20-29 ปี พบถึง 699 ราย โดยเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง นอกจากนี้ยังเป็นวันเเรกที่มีผู้ป่วยรักษาตัวในโรคพยาบาลต่ำกว่า 300 ราย คืออยู่ที่ 277 ราย สำหรับผู้ป่วย 15 รายวันนี้ แบ่งเป็นผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน 4 ราย / ผู้ป่วยที่ไม่เกี่ยวกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ 4 ราย แต่อาจจะเกี่ยวข้องกับการไปตามสถานที่ชุมชนหรืออาชีพเสี่ยง / การค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน จ.ยะลา 2 ราย และผู้ป่วยที่เดิน ทางมาจากประเทศต่างประเทศ UAE และเข้า State Quarantine 5 ราย โดยทั้งหมดนี้กระจายตัวอยู่ในกรุงเทพมหานคร 7 ราย / ภูเก็ต 4 ราย / ยะลา 2 ราย / ชลบุรี 1 ราย และนครปฐม 1 ราย ขณะที่อีก 9 จังหวัดไม่พบผู้ติดเชื้อโควิดส่วนศูนย์กักคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา ที่เมื่อวานนี้พบผู้ติดเชื้อถึง 42 รายนั้นวันนี้ยังไม่มีรายงานเพิ่มเติม แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังสำหรับจังหวัดที่ยังพบจำนวนผู้ป่วยมากที่สุดกับอัตราป่วยต่อแสนประชากร 5 ลำดับเเรก คือ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต นนทบุรี สมุทรปราการ และยะลาส่วน 5 จังหวัดที่พบอัตราป่วยมากที่สุดคือ ภูเก็ต กรุงเทพมหานคร ยะลา ปัตตานี และนนทบุรี //ส่วนจังหวัดสตูล ยังคงเป็น 0 เหมือนเดิมด้านการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิวในเวลา 22:00 นถึง 14:00 น. พบผู้กระทำความผิดออกนอกเคหสถาน 568 ราย แบ่งเป็นตักเตือน 90 รายและดำเนินคดี 478 รายส่วนการมั่วสุมชุมนุมมีผู้กระทำความผิดทั้งสิ้น 87 ราย ตักเตือน 4 ราย ดำเนินคดี 83 รายโดยแยกตามรายภาค จังหวัดที่กระทำความผิดมากที่สุด ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา และปทุมธานี ส่วน 18 จังหวัด ไม่มีรายงานผู้กระทำความผิด ได้แก่ กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ นครพนม สมุทรสงคราม มหาสารคาม หนองคาย หนองบัวลำภู ฉะเชิงเทรา สระเเก้ว ลำปาง น่าน พะเยา และแม่ฮ่องสอนทั้งนี้ จำนวนผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิดใน รวมกลุ่ม ชุมนุม มั่วสุม โดยเฉพาะเล่นการพนัน ส่วนใหญ่ในช่วงเคอร์ฟิวส์ 22.00-04.00 น. ตั้งแต่วันที่ 4-25 เมษายน รวม 710 ราย แบ่งเป็นชาย 532 ราย หญิง 178 ราย // แต่ถ้าเเบ่งเป็นการทำผิดในรอบ 24 ชั่วโมง มีผู้กระทำผิด 4,612 ราย แบ่งเป็นชาย 2,936 ราย หญิง 1,676 รายสำหรับการเดินทางกลับจากต่างประเทศ ของคนไทยในวันนี้ 26 เมษายน มาจากออสเตรเลีย 207 คน ถึงเวลา 16:20 น. เป็นนักเรียน นักศึกษา คนงาน และนักท่องเที่ยว ส่วนวันที่ 27 เมษายน มี 3 เที่ยวบิน โดยมามาจากญี่ปุ่น เวลา 15:40 น. 35 คน / จากเนเธอร์แลนด์ เวลา 17:05 น. 25 คน / จากนิวซีแลนด์ เวลา 20:15 น. 168 คน ซึ่งเป็นนักเรียน และนักศึกษาส่วนข้อกังวลของผู้ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับที่มีพื้นที่กักกัน รวมถึงเเรงงานต่างด้าว ที่อยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร จำนวนมากนั้น โฆษก ศบค. ยังบอกด้วยว่า การหาคนที่มีความเสี่ยงสูง เจ้าหน้าที่ยังใช้วิธีค้นหาเชิงรุก โดยกระทรวงสาธารณสุข จะมีทีมระบาดวิทยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมอนามัย เข้าไปตรวจสอบ แต่ขณะเดียวกันแรงงานต่างด้าว ผู้ประกอบการ ก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน สังเกตอาการ หากพบความผิดปกติให้รีบแจ้งเข้าหน้าที่ทันทีโฆษก

ศบค. เผย 2 ข้อสำคัญ! ถ้าประเทศจะกลับสู่ภาวะปกติ

ศบค. ยังบอกด้วยว่า เข้าใจว่าทุกคนอยากกลับไปสู่วิถีชีวิตปกติ มีการค้าจาย เดินทางปกติ แต่ที่เรากลับไปปกติไม่ได้ เพราะต้องเข้าใจกับการเกิดโรคนี้ ว่าติดต่อผ่านทางเดินหายใจ แพร่กระจายผ่านตัวไวรัสทางน้ำมูก-น้ำลาย คนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อคือคนวัยทำงานและไม่มีอาการ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าใครติดเชื้อบ้าง ถ้ากลับไปใช้ชีวิตปกติ ก็จะมีโอกาสติดเชื้อจากคนเหล่านี้ได้มาก และทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้อีก แม้จะเจอผู้ป่วยหลักสิบ ก็ไม่ได้ความว่าจะคุมได้แล้วกลับไปที่ (0) ศูนย์ เพราะถ้าศูนย์ต้องมีเวลาศูนย์อีกนานเท่าไรด้วย และเฉพาะประเทศไทยไม่ได้ แต่ต้องเป็นทั้งโลก จึงจะมั่นใจได้ ซึ่งขณะนี้ไทยคุมตัวเลขได้ดี แต่ประเทศรอบๆ หรือต่างประเทศ ยังคงมีการติดเชื้อ ถ้าเรายังใช้ชีวิตวิถีเดิม ก็อาจจะกลับมาระบาดได้ใหม่ สิ่งที่ลงทุนไปในหชายเดือนที่ผ่านมา ไม่ได้ช่วยอะไรเลยกลายเป็นศูนย์ทันทีดังนั้นถ้าจะกลับไปสู่ภาวะปกติต้องใช้เวลาอีกยาวพอสมควร ซึ่งสิ่งที่จะกลับไปได้ปกติคือ 1.มียารักษา ก็จะทำให้กลุ่มเชื้อโรคได้ด้วย แต่ต้องรักษาให้หาย ไม่ใช่แค่ระงับยับยั้ง 2.มีวัคซีน จะตอบโจทย์ว่าการแพร่ระบาดของโรคจะจบลง แต่ข้อมูลล่าสุดคืออาจจะต้องต้นปีหน้า ซึ่งจากนี้จนถึงช่วงต้นปีหน้าก็ต้องควบคุมตัวเราเอง ปรับพฤติกรรม ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์โควิด ซึ่งประเทศไทยออกมาตรการมาก่อน ตัวเลขผู้ป่วยจึงไม่สูงมากเหมือนต่างประเทศ แต่ถ้ายกเลิกมาตรการเร็ว การ์ดตก สิ่งที่ลงทุนก็กลายเป็นศูนย์ทันทีและวันนี้ครบรอบการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือน สิ่งที่ออกมา ได้รับความร่วมมือจากประชาชน ซึ่งทุกคนเข้าใจ แต่ตอนนี้ยังต้องประคองสถานการณ์ไปก่อน การ์ดต้องไม่ตก

logoline