นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาตรวจเยี่ยมจุดรับผู้โดยสารขาเข้า (PIER 6) ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ซึ่งจะมีคณะสงฆ์ และผู้ปฏิบัติธรรม จำนวน 171 คน แบ่งเป็นพระภิกษุ 104 รูป / แม่ชีและญาติธรรม 67 คน เดินทางกลับจากประเทศอินเดีย โดยเครื่องบินเช่าเหมาลำของสายการบินไทยแอร์เอเชียทั้งนี้ เมื่อเครื่องบินลงแล้ว กระเป๋าจะไม่โหลด สามารถยกลงจากเครื่องได้ แล้วแยกรอไว้ ส่วนผู้โดยสารจะเข้าสู่กระบวนการตรวจคัดกรองต่างๆ ตามมาตรการของกองควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยแบ่งเป็นชุด ชุดละ 6 คน เพื่อลดความแออัดทั้งผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งการตรวจอุณหภูมิทางการแพทย์ ตรวจเอกสารต่างๆ ตามที่กรมการบินพลเรือนกำหนด โหลดแอพพลิเคชั่น AOT เเล้ว ก็เข้าสู่การตรวจศุลกากร จากนั้นจะขึ้นรถบัสไปยังสถานที่ควบคุมต่อไป แต่หากพบว่าใครมีไข้ มีมีอาการป่วย จะส่งต่อโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และโรงพยาบาลภูมิพล ต่อไป
นายเทวัญ กล่าวว่า สนามบินดอนเมืองมีความแตกต่างจากสนามบินสุวรรณภูมิ แต่มาตรการในการตรวจคัดกรองเหมือนกัน โดยสนามบินดอนเมืองเป็นระบบปิด ใช้พื้นที่ไม่มาก แต่ต้องระวังความแออัดที่ต้องอยู่รวมกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องระวังป้องกัน เมื่อตรวจเรียบร้อยหมดแล้ว พระ กับ แม่ชี-ญาติธรรม จะเเยกไปสถานที่ควบคุมโรค คนละที่ โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ทำเรื่องไปยัง มหาเถรสมาคม (มส.) แล้ว เพราะพระ หากไปพักในสถานที่ที่ไม่ใช่วัด ต้องได้รับการอนุมัติก่อน ซึ่ง มส. จะจัดพระพี่เลี้ยงมา 4 รูป มารับประเคนอาหารเช้า อาหารกลางวัน แทนพระที่อยู่ในห้องพัก จนครบ 14 วัน สำหรับวันนี้เที่ยวบินล่าช้าออกไป จากเดิมมาถึงในเวลา 15:10 น. เปลี่ยนเป็น 17:00 น. เนื่องจากเอกสารของพระ 2-3 รูป มีปัญหา แต่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน เตรียมพร้อมรอรับแล้ว นายเทวัญ ยังให้ความมั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ที่ตรวจคัดกรองที่สนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ จะมีความปลอดภัย และไม่ให้ใครเล็ดลอดเหมือนที่ผ่านมา ส่วนด่านตรวจในพื้นที่ภาคใต้ ที่พบเจ้าหน้าที่ติดเชื้อโควิด เป็นเพราะมีบางคนข้ามทางแม่น้ำ ไม่ได้มาช่องทางที่รัฐกำหนด ทั้งนี้ คนไทยที่ได้เดินทางกลับมา เป็นกลุ่มที่มีการประสานคิวมาล่วงหน้าแล้ว ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้กลับขอให้ใจเย็น อดทนรอ เพราะกระบวนการขณะนี้ทาง ศบค. กำหนดรับไม่เกิน 200 คนต่อวัน ถ้ามากกว่านี้อาจรองรับไม่ได้ด้านพลเอก ปริพัฒน์ ผลาสินธุ์ รองเสนาธิการทหาร ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กล่าวถึงภาพรวมการทำงานของทั้ง 2 สนามบินว่า แม้ทางกายภาพจะต่างกัน แต่ขั้นตอนการปฏิบัติงานเหมือนกัน หน้างานอาจจะมีปัญหาเล็กน้อย หรือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น ก็ต้องหาคำตอบและแก้ไขไป
ซึ่งทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ส่วนปัญหาใหญ่ๆไม่มี และเตรียมเอาบทเรียนที่ผ่านมามาตั้งรับในอนาคต ส่วนจำนวนผู้โดนสารที่รับได้ไม่เกินวันละ 200 คน มาจากการที่กนะทรวงต่างประเทศ หารือกับ ศบค. ส่วนจะเพิ่มเติมจำนวนอย่างไรให้รอฟังจากรัฐบาลอีกครั้งสำหรับการเดินทางกลับจากต่างประเทศของคนไทย ที่ลงสนามบินดอนเมืองนั้น ครั้งนี้เป็นเที่ยวบินที่ 3 แล้ว โดยก่อนหน้านี้ วันที่ 21 เมษายน มาจากไต้หวัน / 22 เมษายน มาจาก เวียดนาม