เนชั่น ทีวี ได้พูดคุยกับกลุ่มบุคคลที่ประกอบอาชีพเป็น "คนบนฟ้า" ทั้งนักบิน และลูกเรือจากสายการบินต่างๆ เพราะตอนนี้พวกเขาทั้งหลายไม่ต่างอะไรจากเทวดาและนางฟ้า"ตกสวรรค์"
สำหรับสิ่งที่กระทบต่อพวกเขาอย่างแรกคือ รายได้ที่จะหดหายไป ทั้งเงินเดือนและค่าเที่ยวบิน (แต่ละสายการบินไม่เท่ากัน) เช่นตำแหน่งกัปตัน (Pilot ) ซึ่งรายได้ต่อเดือนเฉลี่ยประมาณ 350,000 บาท ก็ลดลงไปกว่า 40เปอร์เซ็นต์
ต่อมาเป็นตำแหน่ง นักบินผู้ช่วย (Co-pilot) รายได้ประมาณ 140,000 บาท ก็หดหายไปกว่า 40,000บาท ถัดมาเป็นพนักงานต้อนรับของชั้นธุรกิจประมาน 80,000 บาท เหลือเพียงแค่ 20,000 บาท ขณะที่ พนักงานต้อนรับหญิงสายการบินต่างชาติ150,000บาทต่อเดือน รายได้หายไปเกินครึ่ง เหลือแค่ 40,000บาท
นี่คือผละกระทบช่วงแรกตั้งแต่เดือนมีนาคมหลังจากสายการบินต่างๆ ประกาศจ่ายเงินเดือนแค่ 40% ของฐานเงินเดือนและมีการขอความร่วมมือในการลาหยุดแบบไม่รับเงินเดือนเป็นระยะเวลา 6 เดือน
จากนั้นเพียงแค่ช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือน ก็มีสัญญาใหม่ที่คล้ายกับ"เคราะห์ซ้ำกรรมซัด"ทั้งอัตราการจ่ายเงินเดือนที่ลดลงเหลือ 25% จากเงินเดือนเดิมและค่าบินต่อชั่วโมงที่ลดลง แต่พนักงานส่วนใหญ่ก็จำใจจรดปากกาเซ็นรับข้อเสนอเพราะเกรงว่าจะถูกตีตราว่า "ไม่ภักดีต่อองค์กร" และอาจบานปลายถึงขั้น "เชิญออก" ก็เป็นได้
ส่วนสายงานการบินกลุ่มแรกที่เรียกว่าได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน ก็คือ นักบิน เพราะต้องใช้ทักษะการคิดและการทำงานภายใต้ความกดดันทั้งเวลา ความเสี่ยง และสภาพแวดล้อมที่ทำงานอยู่บนอากาศ แน่นอนว่า กลุ่มนักบินจะต้องมีการทดสอบทักษะความสามารถ จำนวน 2 ครั้งต่อปี แต่หากว่าไม่ได้รับการทดสอบนี้จะทำให้เรื่องของผลการรับรองในทุกด้านของนักบินลดถอยและสุดท้ายทำให้ไม่สามารถทำการอาชีพนี้ได้อีก
แต่สถานการณ์ของประเทศตอนนี้ ยังอยู่ในสภาพ "ล็อกดาวน์"ซึ่งรัฐบาลจะพิจารณาอนุญาตให้บินได้เป็นกรณีไป และแนวทางแก้ไขที่กลุ่มสายการบินพอจะทำได้เพียงแค่ทำหนังสือขอความช่วยเหลือจากภาครัฐเพื่อจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือ soft loan เพื่อนำเงินกู้เหล่านี้ ไปประคองธุรกิจและปากท้องของพนักงาน