ผู้ที่ออกมาจุดพลุในเรื่องนี้คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ ที่บอกว่า หากจะมีการผ่อนคลายมาตรการ จะต้องพิจารณาสถานการณ์ว่าดีขึ้นจริง ทั้งตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ที่ลดลง แต่การยืนยันว่าไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ หรือตัวเลขเป็นศูนย์นั้น ยังจะต้องเฝ้าติดตามค้นหาต่อไปอีก 28 วันนับจากวันที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ติดเชื้อตกค้างหรือซ่อนอยู่ เพราะระยะ 14 วันเป็นแค่การตรวจสอบระยะฟักตัวของไวรัสเท่านั้น
คำพูดของรัฐมนตรีสาธิต ทำให้หลายฝ่ายเริ่มกังวลว่า ถ้ายึดตัวเลข 28 วัน อาจจะไม่มีการปลดหรือคลายล็อกในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้
"เนชั่น ทีวี" ได้ขอสอบถามความชัดเจนกับรัฐมนตรีสาธิต โดยขอสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ได้รับคำตอบว่า การออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ตนต้องการตอบคำถามประชาชน เพราะหลายคนตั้งคำถามว่าจะต้องใช้ระยะเวลาในการยืนยันความชัดเจนว่าปลอดภัยจริงๆ กี่วันกันแน่ / ตนไม่อยากให้ประชาชนปล่อยปละละเลยเรื่องของระเบียบวินัยและการเว้นระยะห่างทางสังคมจนเกิดการระบาดซ้ำอีก ฉะนั้นควรจะต้องรักษาความเข้มข้นตามมาตรการเดิมต่อไป ส่วนจังหวัดที่ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ ก็ควรจะต้องค้นหาผู้ติดเชื้อแอบแฝงต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยจริงๆ ซึ่งก็คือระยะเวลารวม 28 วัน แต่ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวกับ ศบค. หรือศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และไม่ขัดหากจะมีการคลายล็อกอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ส่วนการผ่อนผันให้ผู้ประกอบการบางกิจการกลับมาเปิดบริการได้นั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า ได้มีการวางกรอบการพิจารณาให้กับกลุ่มอาชีพต่างๆ แล้ว เริ่มจาก ร้านตัดผม ร้านเสริมสวย ร้านนวดแผนโบราณ และสปา รวมถึงร้านอาหาร แต่จะต้องให้บริการในลักษณะที่ไม่มีคนไปรวมตัวกันจำนวนมาก